ลุ้นฟังอุทธรณ์ 'บุญทรง-ขรก.-เอกชน' ทุจริตระบายข้าวจีทูจี พรุ่งนี้ 11 โมงเช้า
"ทนายบุญทรง" เผยพร้อมไปศาล 9 โมง เตรียมตัวก่อนถึงนัด 11 โมงเช้าฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์โดยองค์คณะ 9 คนที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือก ส่วน "ภูมิ-บุญทรง" จำเลยร่วมรวม 15 คน รอศาลเบิกตัวจากเรือนจำฟังคำพิพากษาด้วย
เมื่อวันที่ 5 ก.ย.62 นายนรินทร์ สมนึก ทนายความของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมเดินทางไปฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีดังกล่าววันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.) ว่า ตนในฐานะทนายความ จะเดินทางไปถึงอาคารศาลฎีกา ราว 09.00 น. โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำหนดนัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีนี้ในเวลา 11.00 น. ส่วนตัวจำเลย ศาลก็จะดำเนินการเบิกตัวมาจากเรือนจำเพื่อร่วมฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการอ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ของจีทูจี วันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.) นั้น สืบเนื่องจากที่อัยการโจทก์ และจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต่อกฎหมายใหม่ (ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกผู้พิพากษาฎีกาและผู้พิพากษาอาวุโสในชั้นฎีกา ที่เคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหัวหน้าคณะในศาลฎีกาจำนวน 9 คนที่ไม่เคยนั่งพิจารณาคดีจีทูจีมาก่อน มาเป็นองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์โดยให้ถือว่าคําวินิจฉัยนั้นเป็นคําวินิจฉัยอุทธรณ์ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์จะเลือกเป็นรายคดี) ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 ให้จำคุกตั้งแต่ 4-48 ปีกลุ่มนักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงกรมการค้าต่างประเทศ รวมทั้งเอกชนกลุ่มนักค้าข้าว ที่ตกเป็นจำเลยรวม 15 ราย คือจำเลยที่ 1,2,4,5,6,7, 8,9,11,12,13,14,15,17,18
และปรับ 3 ราย คือ บจก.สยามอินดิก้า จำเลยที่ 10 เป็นเงิน 1 ล้านบาท , บจก.กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำเลยที่ 20 จำนวน 25,000 บาท และน.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร บุตรสาวเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 21 จำนวน 40,000 บาท กับให้ บจก.สยามอินดิก้า-น.ส.ธันยพร ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายกับกระทรวงการคลัง จำนวน 1,294,109,764.80 บาทด้วย
นอกจากนี้ให้ บจก.สยามอินดิก้า จำเลยที่ 10 , เสี่ยเปี๋ยง นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวคนสำคัญ จำเลยที่ 14 และนายนิมล หรือโจ รักดี คนสนิทเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 15 ร่วมกันชดใช้กระทรวงการคลังด้วย16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่รับมอบข้าวตามสัญญาแต่ละฉบับ
โดยยกฟ้องจำเลยที่ 19 ซึ่งเป็นสามีของญาตินายอภิชาต และกลุ่มโรงสีกับผู้บริหารโรงสี จำเลยที่ 22 , 23 , 24 , 25 , 26 , 27 , 28 รวม 8 คน
ทั้งนี้สำหรับ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และ นายสุธี เชื่อมไธสง คนสนิทของเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวไปเพราะจำเลยหนีคดี ก็ปรากฏว่าต่อมาเมื่อมี พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิ อม.) พ.ศ.2560 ออกมาบังคับใช้ ให้อำนาจศาลฎีกาฯ พิจารณาคดีที่ฟ้องและออกหมายจับจำเลยแล้วได้ใหม่โดยไม่มีตัวจำเลย อัยการสูงสุดจึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลนำคดีของทั้งสองพิจารณาใหม่ โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ค.62 องค์คณะศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาว่าทั้งสองได้ร่วมกระทำผิดด้วย ให้จำคุก พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 รวม 4 กระทงเป็นเวลา 72 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วให้จำคุกทั้งสิ้น 50 ปี และ นายสุธี คนสนิทของนายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 จำคุก 4 กระทงเป็นเวลารวม 32 ปี และให้จำเลยที่ 16 ชดใช้ค่าเสียหายให้กับกระทรวงการคลังด้วยจำนวน 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี