ดีเอสไอเร่งสอบพยานเพิ่ม ยังไม่ออกหมายเรียก
พร้อมหารือถึงการอนุมัติหมายค้นและหมายจับหลังพบยุ่งเหยิงกับพยาน
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยภายหลังการเรียกประชุมทีมพนักงานสอบสวนชุดที่ลงพื้นที่และชุดที่ทำงานส่วนกลางในคดีฆาตกรรมนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงโป่งลึก-บางกลอย เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ได้ โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง
โดยพ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการประชุมหารือและเร่งรัดเรื่องการสอบสวน ซึ่งพยายามจะให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ ได้มีการมอบหมายภาระกิจสอบพยานต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่ แล้วก็พื้นที่บางส่วนที่คณะทำงานอาจต้องลงไปปฏิบัติหน้าที่
พ.ต.ท.กรวัชร์ ยังไม่ยืนยันว่าต้องสอบพยานอีกกี่ปาก แต่กล่าวว่ากำลังเร่งระดมการสอบสวนอยู่ ซึ่งพยานเป็นกลุ่มที่อาจเห็นเหตุการณ์ในเรื่องที่เกิดขึ้น หรืออาจเป็นพยานแวดล้อมในบริเวณใกล้เคียง
ส่วนการออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัย พ.ต.ท.กรวัชร์ หลีกเลี่ยงที่จะตอบตำถาม โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า ยังไม่ตอบ เพราะยังอยู่ในการรวบรวมหลักฐานของพนักงานสอบสวน
พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวอีกว่า ยังไม่ได้วางกรอบเวลาสำหรับการออกหมายเรียก แต่พยายามจะเร่งรัดให้เร็ว ถ้าไปพบว่ามีผู้กระทำความผิดไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ก็พยายามทำให้เร็วขึ้น
ในส่วนของการระบุตัวผู้ก่อเหตุ พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวเพียงว่า ทีมทำงานกำลังสอบสวนในเรื่องนี้อยู่
เมื่อถามว่านายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระบุให้ดีเอสไอตรวจสอบ “ดาบเท่ง” สังกัด บช.ภ.7 ซึ่งมีพฤติกรรมข่มขู่นายบุญแทน บุษราคัม อดีตพนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ให้ยอมเป็นพยานให้กับดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่า ทราบแต่ข่าวในทีวี แต่ไม่ทราบรายละเอียดเพราะว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับดีเอสไอ และยังไม่ได้ประสานหน่วยงานใด เพราะถือว่าดีเอสไอทำหน้าที่ไปตามปกติ
ด้านพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า วันนี้ได้เร่งรัดชุดสอบสวนทุกชุดให้เร่งสรุปคำให้การของพยานตลอดจนพยานบุคคล พยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทุกรายการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และมั่นใจว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้เร็วๆ นี้ และเร็วกว่าเดิมที่เคยกำหนดไว้ว่าจะสรุปสำนวนภายใน 2-3 เดือน
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการอนุมัติหมายค้นเพื่อเก็บพยานหลักฐานสำคัญในคดี
ในส่วนของผู้ต้องสงสัยที่ร่วมกันก่อเหตุ แหล่งข่าวกล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะขออนุมัติศาลให้ออกเป็นหมายจับ โดยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 ระบุเหตุที่สามารถออกหมายจับได้ ต้องมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะกระทำความผิดอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี หรือมีหลักฐานตามสมควรว่า บุคคลใดน่าจะกระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนีหรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น
ซึ่งที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนพบพฤติการณ์กลุ่มผู้ต้องสงสัยยุ่งเหยิงกับพยานค่อนข้างมาก แต่มีข้อท้วงติงว่าหากผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ดีเอสไออาจจะพิจารณาออกหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแทนการขออนุมัติหมายจับก็ได้