แก๊งข้ามชาติ เชิดรถหรูขายกัมพูชา แค่ล้านเดียว
เปิดโปง! ขบวนการค้ารถข้ามชาติ หลังตำรวจรวบ 3 ชาวกัมพูชา ร่วม 4 คนไทย ตั้งทีมทำทีขอเช่ารถหรู ก่อนเชิดส่งขายกัมพูชาสุดถูก เผย "อัลพาร์ด" ราคาล้านเดียว
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2562 น.ส.จันทน์ทิพย์ และ น.ส.อสะรีย์ อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นทอมและดี้ ได้มาเช่ารถยนต์ โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ศ-5084 กรุงเทพมหานคร ราคา 3,590,000 บาท จาก นายจิรวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เจ้าของและผู้จัดการบริษัทฯ ซึ่งประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์หรู ย่านแขวงสำเหร่ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร โดยตกลงราคาเช่าที่ 8,000 บาท พร้อมกับวางมัดจำไว้เป็นเงิน 30,000 บาท
โดยทั้ง 2 คนแจ้งวัตถุประสงค์ในการเช่ารถยนต์หรูคันดังกล่าวว่า จะนำรถไปรับชาวต่างชาติ เพื่อมาท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดชลบุรี แต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2562 ที่ผ่านมา ระบบ GPS ของรถคันดังกล่าว กลับแจ้งว่า รถอยู่ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายจิรวัฒน์ จึงได้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้เช่า ซึ่ง น.ส.จันทน์ทิพย์ อ้างว่าพาชาวต่างชาติมาเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากนั้น GPS ของรถก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก
อย่างไรก็ตาม ภายหลังประสานงานเพื่อขอเปิดระบบ GPS สำรองที่มีการติดตั้งอีกตัวไว้ภายในรถยนต์ ปรากฏว่า รถยนต์ของตนเองถูกขับข้ามบริเวณตะเข็บชายแดนไปกัมพูชาตามช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และไม่สามารถโทรติดต่อกับผู้เช่ารถยนต์ได้อีก จึงเชื่อว่ารถน่าจะถูกนำออกไปขายฝั่งประเทศกัมพูชาแล้ว จึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.คลองตัน
จากนั้น นายจิรวัฒน์ นำสำเนาแจ้งความ เดินทางจากรุงเทพไปจังหวัดสระแก้ว ขอเข้าพบ พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จ.สระแก้ว ที่จุดตรวจคนเข้าเมืองด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อขอให้ประสานติดตามจับกุมตัว ผู้หญิง 2 คน ที่เป็นทอมและดี้ และรถยนต์ที่ถูกเช่าไป แล้วนำออกนอกประเทศไปฝั่งกัมพูชา หลังจากตรวจพบเส้นทางมีการลักลอบนำออกนอกประเทศไปกัมพูชา จากระบบจีพีเอสของรถยนต์คันดังกล่าว
“จากการตรวจสอบพบว่า รถจอดอยู่ในพื้นที่ ปอยเปต ห่างจากด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพียง 9 กิโลเมตร จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ไทยช่วยประสานนำรถกลับประเทศไทย”
ช่วงค่ำวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ไทยว่า รถคันดังกล่าวถูกนำไปไว้ที่เมืองพระตะบอง ราชอาณาจักรกัมพูชา และอยู่ระหว่างการพูดคุยประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา
ด้วยการทำงานที่รวดเร็วของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และประสานงานกับเจ้าของรถตลอดเวลา ทำให้ล่าสุดตำรวจได้พบรถยนต์คันดังกล่าว จอดอยู่ฝั่งกัมพูชา ตรงข้ามบริเวณจุดผ่อนปรนตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เนื่องจากรถยนต์ล็อคและเครื่องยนต์ดับอัตโนมัติ ในช่วงที่นำข้ามชายแดนไปฝั่งกัมพูชา เพราะมีการตัดการทำงานด้วยระบบจีพีเอส
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว ตัวทอมและดี้ 2 คนไว้ ประกอบด้วย น.ส.จันทน์ทิพย์ ณ อุดม อายุ 42 ปี และ น.ส.อสะรีย์ เสาร์คำ อายุ 39 ปี ซึ่งทั้งสองคนอยู่บ้านเลขที่ 89/440 ม.17 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ไว้สอบสวน
น.ส.อสะรีย์ ได้เสนอตัวเข้าไปนำรถที่อยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งเพื่อนชาวกัมพูชาขับเข้าไปกลับมาฝั่งไทย ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่กัมพูชาจับกุมตัวและควบคุมตัวไว้ฐานเข้าเมืองผิดกฎหมาย ส่วน น.ส.จันทน์ทิพย์ ถูกเจ้าหน้าที่ ตม.ไทยควบคุมตัวไว้ฐานเข้าเมืองผิดช่องทาง เพราะมีการเดินทางเข้าออกกัมพูชาผ่านทางช่องทางธรรมชาติหลายรอบก่อนหน้านี้ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.ตาพระยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า น.ส.จันทน์ทิพย์ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ ตม.ไทยควบคุมตัวไว้ฐานเข้าเมืองผิดช่องทาง เพราะมีการเดินทางเข้าออกกัมพูชาผ่านทางช่องทางธรรมชาติหลายรอบก่อนหน้านี้ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.ตาพระยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ที่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชา พบว่า กรณีนี้เป็นการทำเป็นขบวนการ เป็นแก๊งค์ค้ารถยนต์ข้ามชาติ ที่ร่วมมือกันระหว่างคนกัมพูชาและคนไทย ที่จะให้นายหน้ามาทำการเช่ารถหรู ราคาแพง และนำกลับมาขายในกัมพูชา ในราคาถูกกว่าราคาท้องตลาดหลายเท่าตัว เช่นกรณีรถ โตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ศ-5084 ของนายจิรวัฒน์ ที่ซื้อมา 3,590,000 บาท ถูกขายไปในราคาเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น
พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จ.สระแก้ว เปิดเผยว่า ทางการกัมพูชาได้จับกุมขบวนการค้ารถยนต์กลุ่มดังกล่าวในประเทศกัมพูชาแล้วจำนวน 3 ราย และหญิงไทย น.ส.อสะรีย์ เสาร์คำ อายุ 39 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 89/440 ม.17 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นทอมอีก 1 ราย และกัมพูชาอยู่ระหว่างขยายผลจับกุมขบวนการดังกล่าวทั้งขบวนการ เนื่องจากกรณีนี้ถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่กัมพูชาให้ความสนใจ
ส่วนรถยนต์อัลพาร์ดป้ายแดงตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ยึดไว้แล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบและประสานเจ้าของรถ ผู้เสียหายดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อนำรถกลับประเทศไทยต่อไป โดยเจ้าหน้าที่ฝายกัมพูชาได้ติดต่อกับ นายจิรวัฒน์ เจ้าของรถผู้เสียหาย ให้เดินทางเข้าไปยังประเทศกัมพูชาในวันที่ 11 ก.ย.นี้ โดยการประสานงานกับสำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 (สน.ปทก.ศปก.มภ.1) ร่วมช่วยเหลือกรณีดังกล่าว
หลังจากนี้นายจิรวัฒน์ เดินทางไปแจ้งความเพิ่มเติมที่ สน.คลองตัน ซึ่งหากสามารถดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทั้ง 2 ประเทศได้เสร็จสิ้น จะสามารถนำรถกลับประเทศไทยผ่านช่องทางด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ทันที เนื่องจากตอนนี้รถคันดังกล่าวถูกนำมาเก็บไว้ฝั่งกรุงปอยเปต ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่กี่กิโลเมตรนั่นเอง
นี่จึงเป็นเพียงเคสหนึ่งเท่านั้น ที่ขบวนการค้ารถยต์ข้ามชาติดำเนินการในลักษณะนี้ โชคดีที่เจ้าของรถติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติผ่านจีพีเอส และความร่วมมืออย่างจริงจังระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยและกัมพูชา ที่ต้องการจะกวาดล้างขบวนการอาชญากรข้ามชาติที่มีอยู่มากมายให้สิ้นซาก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ลุยถกทับซ้อนทะเล 'กัมพูชา' เล็งพัฒนาร่วม 1.6 หมื่นตร.กม.
-กัมพูชาเสริมเขี้ยวเล็บซื้ออาวุธเพิ่มจากจีน
-'สถานทูต' เตือนคนไทยทำงานบ่อนออนไลน์กัมพูชา
-กัมพูชาจ่อเจอวิกฤตศก.จาก3ปัจจัยลบ