'ไวพจน์' ยังปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. 'เลขาสภาฯ' ยกรธน. บอกต้องพ้นสมาชิกภาพทันที
"ไวพจน์" ยังปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. "เลขาสภาฯ" ยกรธน. บอกต้องพ้นสมาชิกภาพส.ส.ทันที ไร้เอกสิทธิ์คุ้มครอง เหตุศาลพิพากษาถึงที่สุด ระบุ "ตำรวจสภาฯ" ไม่มีอำนาจจับกุม
เมื่อวันที่ 11 ก.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงาน ถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.อ.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ฐานะผู้ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาตัดสินลงโทษจำคุก ในคดีร่วมล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ปี 2552 แม้เจ้าตัวจะยังไม่เข้าไปฟังการอ่านคำพิพากษา และศาลมีคำสั่งเรียกให้มาฟังคำตัดสินวันที่ 31 ตุลาคม นั้น พ.ต.ท.ไวพจน์ ยังเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตลอดทั้งช่วงบ่าย วันที่ 11 กันยายน ซึ่งได้ใช้สิทธิประท้วงระหว่างการตั้งกระทู้ถามด้วยวาจาด้วย พร้อมกับปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ในสภา ทั้งนี้หลังจากที่มีข่าวถึงคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีดังกล่าวแล้ว มีส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้าให้กำลังใจด่วย
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ไวพจน์ ได้ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนซึ่งดักรอสัมภาษณ์ที่บริเวณชั้น2 ของห้องประชุมสภาฯ เพียงแต่โบกมือไปมา ก่อนจะเดินเลี่ยงกลับไปห้องรับรองส.ส.ทันที
จากกรณีดังกล่าว นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาฯ ให้สัมภาษณ์ต่อสถานะความเป็น ส.ส.ของพ.ต.ท.ไวพจน์ ว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(13) ระบุถึงการสิ้นสมาชิกภาพของส.ส. คือ ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แม้จะมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท ดังนั้นเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วถือว่าสิ้นสมาชิกภาพทันที อย่างไรก็ตามในขั้นตอนประธาสภาฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมต้องแจ้งคำพิพากษาของศาลฎีกาต่อที่ประชุมให้รับทราบ แต่จนถึงขณะนี้ศาลยังไม่ส่งคำพิพากษาจากศาลมายังสภาฯ ทำให้สภาฯ ไม่สามารถนำข่าวที่มีจากสื่อมวลชนมาอ่านในที่ประชุมสภาฯ ได้ ทั้งนี้การจับกุม หรือ การดำเนินคดีที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วในสมัยการประชุมนั้น สามารถทำได้ เพราะคดีถึงที่สุดแล้ว โดย ส.ส.ที่ถูกคำพิพากษาถึงที่สุดจะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง อย่างไรก็ตามตำรวจของสภาฯ ไม่สามารถดำเนินการจับกุมหรือดำเนินการใดๆ ได้เพราะไม่มีอำนาจ