'สนธิรัตน์' เตรียมถกด่วน! เกาะติดทิศทางน้ำมัน
รมว.พลังงาน สั่งเกาะติดสถานการณ์ตะวันออกกลางใกล้ชิด เร่งเช็คข้อมูล “อารามโค” เบื้องต้นไม่กระทบการนำเข้า จ่อเรียกประชุมประเมินสถานการณ์ หุ้นซาอุฯ เปิดตลาดวันอาทิตย์ดิ่งหนัก หลัง 2 โรงกลั่นใหญ่ถูกโดรนโจมตี นักวิเคราะห์คาดราคาพุ่ง 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่ Crude Oil Processing Facility หรือ โรงงานที่ทำหน้าที่กำจัดสารต่างๆ ที่ไม่ต้องการออกจากน้ำมันดิบ ก่อนส่งต่อไปยังผู้ซื้อของบริษัท Aramco (อารามโค) รัฐวิสาหกิจน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีว่า กระทรวงพลังงานรับทราบสถานการณ์แล้ว
โดยสอบถามบริษัท อารามโค และผู้เกี่ยวข้องถึงผลกระทบ ซึ่งเบื้องต้นทราบความคืบหน้าล่าสุดว่า ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมได้ และอยู่ระหว่างสำรวจและประเมินความเสียหาย ซึ่งยังไม่กระทบต่อการส่งออกเพราะโรงงานที่ถูกไฟไหม้อยู่ในบริเวณทะเลทราย จึงไม่มีผลกระทบต่อคลังน้ำมันที่เป็นแหล่งน้ำมันที่ป้อนให้กลุ่ม ปตท.จึงยังไม่กระทบต่อการนำเข้าน้ำมันของไทย
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับกรณีที่เคยเกิดเหตุการณ์ที่ช่องแคบฮอร์มุซ โดยในภาพรวมประเทศมีปริมาณสำรองคงเหลือเพียงพอทั้งน้ำมันดิบสำรอง น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างการขนส่ง และน้ำมันสำเร็จรูป โดยจะไม่เกิดการขาดแคลนในระยะสั้นหากเกิดผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย และจากนี้ไปกระทรวงพลังงานจะเรียกประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์และติดตามอย่างใกล้ชิด
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานระบุว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (16 ก.ย.) นายสนธิรัตน์ จะมีการติดตามสถานการณ์และแถลงแผนการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินจากกรณีดังกล่าว โดยในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานมีคำสั่งให้ 6 โรงกลั่นเปลี่ยนการรายงานข้อมูลน้ำมันเป็นรายวันทันที แทนการรายงานรายเดือน โดยไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันที่ใช้ได้เกิน 30-45 วันหากเกิดปัญหาขาดแคลน
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ซาอุดีอาระเบียวานนี้ (15 ก.ย.) ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรก ตั้งแต่เกิดเหตุโดรนถล่มโรงกลั่นใหญ่ 2 แห่ง เปิดตลาดร่วงลง 3% หรือราว 200 จุด ก่อนฟื้นตัวขึ้นมา โดยหนึ่งชั่วโมงหลังเปิดซื้อขายดัชนีทีเอเอสไอปรับตัวลดลง 1.50% อยู่ที่ 7,715 จุด หุ้นพลังงานซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญของตลาดดิ่งลง 4.7% เช่นเดียวกับหุ้นโทรคมและธนาคาร ร่วงลง 3%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นซาอุฯ ยังถูกกระหน่ำด้วยแถลงการณ์จากบริษัทซาอุดีเบสิคอินดัสตรีส์ (เซบิค) หนึ่งในผู้ผลิตปิโตรเคมีรายใหญ่ของโลกที่ประกาศว่า ขาดแคลนวัตถุดิบ บริษัทไม่ได้เผยถึงเหตุผล แต่ปัญหานี้ถูกกล่าวถึงในวันเสาร์ (14 ก.ย.) ที่เกิดเหตุโดรนถล่มโรงกลั่นพอดี
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ฝูงโดรน 10 ลำโจมตีโรงกลั่นน้ำมันอับกิกและคูราอิสที่อยู่ใกล้เคียงกันของบริษัทซาอุดีอารามโก ทำให้ผลิตน้ำมันลดลงวันละ 5.7 ล้านบาร์เรล หรือ 50% ของผลผลิตจากซาอุฯ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ยังเร็วเกินที่จะประเมินความเสียหายและเวลาที่ต้องปิดโรงกลั่น ขณะที่นักวิเคราะห์และผู้ค้าน้ำมันเผยว่า ผลกระทบต่อราคาน้ำมันอาจอยู่ระดับเลขสองหลัก
นายแอนดรูว์ ลิพาว ประธานบริษัทลิพาวออยล์แอสโซซิเอตส์ กล่าวว่า เรื่องนี้ใหญ่มากและอาจกระทบรุนแรง เขาคาดว่าช่วงเปิดตลาดเย็นวันอาทิตย์ (15 ก.ย.) ตามเวลาสหรัฐ ราคาน้ำมันจะขยับขึ้น 5-10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เท่ากับว่าราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 12-25 เซ็นต์ต่อแกลลอน
นายเควิน บุ๊ค ประธานบริษัทวิจัยเคลียร์วิว เอ็นเนอร์จี กล่าวว่า ผลกระทบต่อราคาขึ้นกับระยะเวลาซ่อมโรงกลั่นจะหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน หากปิดนาน 3 สัปดาห์ราคาจะเพิ่ม 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อวันศุกร์ (13 ก.ย.) สัญญาน้ำมันดิบดับเบิลยูทีไอของสหรัฐปิดลบ 0.4% อยู่ที่ 54.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ลบ 0.2% อยู่ที่ 60.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนการโจมตีโรงกลั่น กบฏฮูตีของเยเมนอ้างเป็นผู้ลงมือ ถือเป็นการโจมตีใหญ่สุดครั้งหนึ่งที่ฮูตีทำในซาอุฯ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฮูตีอยู่เบื้องหลังการโจมตีท่อน้ำมัน เรือบรรทุกน้ำมัน และโครงสร้างพื้นฐานอื่นของซาอุฯ หลายครั้ง ในช่วงที่ความตึงเครียดระหว่างอิหร่าน สหรัฐและพันธมิตรอย่างซาอุฯเพิ่มขึ้น
“สมมติความเสียหายไม่มาก คำถามต่อไป คือ โดรนมาจากไหน ถ้ามาจากอิรักราคาน้ำมันก็เพิ่มขึ้นราว 2-3 ดอลลาร์ แต่ถ้าการโจมตีอับกิกทำลายการเจรจาผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร การหารือเปลี่ยนเป็นการตอบโต้จนบานปลาย ผมคิดว่าน้ำมันซื้อขายกันในราคาที่สูงขึ้นไม่น้อยกว่า 10 ดอลลาร์” นายบ็อบ แมคแนลลี ประธานบริษัทเรพิดันเอ็นเนอร์จีกรุ๊ป ให้ความเห็น