'รอง ผบ.ตร.' แถลงจับไอซ์ล็อต 'มโหฬาร' กว่าครึ่งตัน มูลค่า 200 ล้าน
"รอง ผบ.ตร." แถลงตำรวจ 191 จับไอซ์ล็อตมโหฬารกว่าครึ่งตัน มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท เผยผู้ต้องหารับจากเอเย่นรายใหญ่ภาคเหนือ ก่อนส่งให้ลูกค้ารายย่อยและส่งออกต่างประเทศ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 ก.ย.62 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.บก.สปพ. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายเฉลิม แซ่หาญ อายุ 24 ปี นายวุฒิชัย แซ่หาญ อายุ 34 ปี นายเอกวิทย์ หาญฤทธิกุลชัย อายุ 34 ปี และนายนิรันดร์ ลีสวัสดิ์ อายุ 26 ปี ข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์ หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมของกลาง ไอซ์ น้ำหนักรวม 502 กิโลกรัม รถกระบะ นิสสัน นาวารา สีเทา ทะเบียน บบ-8008 แพร่ และรถกระบะอีซุซุ ดีแม็กซ์ สีเทา ทะเบียน บบ-6287 แพร่ มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท
สืบเนื่องจากชุดสืบสวน กก.สายตรวจ บก.สปพ. ร่วมกับ ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. ได้จับกุมผู้กระทำความผิดคดียาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯได้จำนวนหลายราย จากนั้น ขยายผลไปถึงต้นผู้ค้ายาเสพติดที่อยู่เบื้องหลัง จนกระทั่ง ได้เบาะแสว่า ผู้ร่วมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่จะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ภาคเหนือเข้ามาในกรุงเทพฯ จึงวางแผนแบ่งงาน โดยให้ตำรวจสายตรวจ 191 เฝ้าสะกดรอย และบก.สส. สืบสวนหาข่าวคอยติดตามพฤติกรรมกลุ่มคนร้ายเรื่อยมา ต่อมา เมื่อวันที่ 16 ก.ย. เวลา 16.00 น. กลุ่มคนร้ายได้ลำเลียงยาเสพติดโดยใช้รถกระบะ นิสสัน นาวารา สีเทา ทะเบียน บบ-8008 แพร่ ด้านหลังทำเป็นหลังคาปิดทึบ ขนยาเสพติด 1 คัน และมีรถกระบะอีซุซุ ดีแม็กซ์ สีเทา ทะเบียน บบ-6287 แพร่ ขับในลักษณะดูต้นทางอีก 1 คัน ชุดสืบสวนจึงนำกำลังไปเฝ้าติดตาม ก่อนเข้าจับกุมได้กลางทางในขณะขบวนลำเลียงยาเสพติดจอดรถพักอยู่บริเวณลานจอดรถภายในปั้มน้ำมัน ปตท. ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากนายตั้ม (ไม่ทราบชื่อและนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ฝั่งประเทศพม่าว่าจ้างให้ขนลำเลียงยาเสพติดจากจ.เชียงราย เข้ากรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อส่งให้ลูกค้า โดยนายเฉลิมเป็นผู้ขับรถกระบะ นิสสัน นาวารา สีเทา ซึ่งซุกซ่อนไอซ์ที่บรรจุอยู่ในถุงชา แล้วใส่กระสอบพลาสติกที่ใช้เศษกระสอบมาทำเป็นสายสำหรับสะพายหลัง ส่วนคนอื่นทำหน้าที่คอยดูต้นทาง โดยได้ค่าจ้างขนประมาณ 1 ล้านบาท ภายหลังจับกุมเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง บช.ปส. ดำเนินคดีและขยายผล
อีกราย พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ ศรีประเสริฐ ผกก.สน.สุทธิสาร พร้อมชุดสืบสวน สน.สุทธิสาร จับกุมนายฤทธิชัย อันทะโส อายุ 26 ปี ข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์ หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมของกลาง ไอซ์ บรรจุในถุงชา ยี่ห้อ GUANYINYANG จำนวน 67 ถุง น้ำหนักรวม 80.4 กิโลกรัม สืบเนื่องจากตำรวจ สน.สุทธิสาร สืบทราบว่านายฤทธิชัย เป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่วังทองหลาง และได้ซุกซ่อนยาเสพติดไว้ที่ห้องพักจำนวนมาก ชุดสืบสวนจึงทำการล่อซื้อ ก่อนจับกุมได้ที่หน้าห้องเลขที่ 8 ชั้น 3 ภายในตึกไม่มีชื่อ ซอยลาดพร้าว 80 แยก 22 แขวงและเขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 19.30 น.ของวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จาการสอบสวนเชื่อว่า นายฤทธิชัย ได้รับยาเสพติดมาจากเครือข่าย “บังเย้” จันทรบุรี-ตราด ซึ่งถูกตำรวจ กก.3 บก.ทล. จับกุมพร้อมของกลาง ไอซ์ น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัมไปเมื่อวันที่ 10 ก.ย.62 โดยนายฤทธิชัย ทำหน้าที่ดูแล และนำยาเสพติดมาซุกซ่อนไว้ในห้องพัก ก่อนนำไปวางไว้ตามจุดต่างๆให้กับลูกค้าตามที่เจ้าของยาเสพติดสั่งการ ได้ค่าจ้างกิโลกรัมละประมาณ 8,000 บาท
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ในส่วนคดีที่ตำรวจ บก.สปพ. หรือ 191 จับไอซ์กว่า 502 กิโลกรัมนั้น เป็นผลจากการที่ตำรวจ บก.สปพ. ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง พร้อมของกลาง ยาบ้า 2,000,000 เม็ด เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลัง จนทราบว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบขนไอซ์จำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาทางพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งขบวนการลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะมีเป้าหมาย คือ นำยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าและออกนอกประเทศ ชุดสืบสวนจึงวางแผนเข้าจับกุมได้ผู้ต้องหา 4 คน รถกระบะที่ใช้ลำเลียงยาเสพติด 1 คัน และรถกระบะนำทาง 1 คัน ซึ่งชุดสืบสวนใช้เวลาเกาะติดตามนานกว่า 8 เดือน จึงจะจับกุมตัวมาได้ ส่วนอีกคดี ตำรวจ สน.สุทธิสาร สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดมาจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จึงวางแผนล่อซื้อ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน พร้อมของกลางไอซ์เกือบร้อยกิโลกรัม