'เฉลิม' เบิกความ 'โอ๊ค' คิดทำรถหรูกับทายาทกฤษดาฯ

'เฉลิม' เบิกความ 'โอ๊ค' คิดทำรถหรูกับทายาทกฤษดาฯ

ศาลคดีอาญาทุจริตฯ ไต่สวนพยานคดีฟอกเงินกรุงไทยเสร็จ 2 ปาก "เฉลิม แผลงศร" คนดูแลบัญชีรับ "พานทองแท้" สั่งศึกษาธุรกิจนำเข้ารถหรูร่วมกับทายาทกฤษดามหานคร

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี วันที่ 24 ก.ย.62 เวลา 13.30 น. ศาลไต่สวนพยานโจทก์นัดแรก คดีฟอกเงินกู้แบงก์กรุงไทย อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ หรือโอ๊ค ชินวัตร อายุ 39 ปี บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 , 9 , 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 โดยช่วงเช้าศาลได้ไต่สวน ผอ.ส่วนบริหารทรัพย์สินฯ ปปง.ไปแล้ว 1 ปาก


ต่อมาช่วงบ่ายศาลได้ไต่สวน นายเฉลิม แผลงศร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด และกรรมการบริษัทในเครือ Voice TV ซึ่งมีนายพานทองแท้ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเครือ Voice TV ที่มาเบิกความเกี่ยวกับประเด็นธุรกิจรถยนต์ ที่นายพานทองแท้ จำเลย จะทำร่วมกับนายรัชดา กฤษดาธานนท์ บุตรชายของนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ว่า พยานทำหน้าที่วิเคราะห์เกี่ยวกับการลงทุน การเงินกองทุนต่างๆ ให้กับผู้บังคับบัญชา และตนยังได้ดูแลบัญชีบริษัทและของจำเลยมาตลอดด้วย


โดยบัญชีเงินของจำเลยนั้นถูกอายัด โดยกรมบัญชีกลาง ไว้ตั้งแต่ปี 2553 ขณะที่พยานเคยช่วยศึกษาแผนธุรกิจการนำเข้ารถยนต์หรูต่างประเทศ ซึ่งให้คำแนะนำกับจำเลยว่าธุรกิจนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากหลักร้อยล้านบาท โดยที่จำเลยไม่ได้สอบถามหรือพูดคุยกับนายรัชดา เรื่องการลงทุนนำเข้ารถยนต์นี้ก่อน เนื่องจากขณะนั้นนายรัชดา เกี่ยวข้องกับธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสองและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นคนละประเภทกับธุรกิจที่นายพานทองแท้จะทำ


โดยนายเฉลิม ระบุด้วยว่า ตนเคยรับทราบที่มีการโอนเงิน 10 ล้านบาท จากบัญชีของจำเลย ธนาคารกรุงเทพฯ สาขาบางพลัด เข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพฯ ของจำเลย สาขาซอยอารีย์เอง แต่ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องการโอนเงิน 10 ล้านคืนให้กับนายรัชดา ซึ่งเรื่องนี้เลขานุการของนายพานทองแท้ จะเป็นคนประสานกับเลขานุการของนายรัชดา โดยตนไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับการออกเช็คและส่งเช็คคืน


ขณะที่นายเฉลิม ยังได้เบิกความเกี่ยวกับการทำงานก่อนหน้านี้ ที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 4 ศูนย์ธุรกิจต่างประเทศ ธนาคารกรุงไทยฯ สาขาสมุทรปราการ ช่วงปี 2534-2539 นานเป็นเวลา 5 ปีก่อนที่จะเข้ามาร่วมทำงานกับบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่นฯ และบริษัทฮาวคัมฯ กระทั่งมาทำงานที่บริษัท วอยซ์ทีวีฯ แต่ระบุการเข้ามาทำงานนั้นไม่ได้เกิดจากจำเลยชักชวน โดยการทำงานที่ผ่านมาและบริษัทต่างๆ เป็นการสมัครเข้ามาเอง
ทั้งนี้เมื่อไต่สวนพยานช่วงบ่ายเสร็จสิ้นแล้วในเวลา 16.00 น ศาลก็ได้แจ้งนัดไต่สวนพยานโจทก์ปากต่อไปในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย.) เวลา 09.30 น ที่ในส่วนของนายพานทองแท้จำเลยนั้นจะขึ้นเบิกความเป็นพยานจำเลยในวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ย.นี้เวลา 09.00 น โดยก่อนเดินทางกลับ "นายพานทองแท้" ก็ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมบอกว่าพรุ่งนี้จะมาฟังการไต่สวน เช่นเดิม