คดีบิลลี่คืบหน้า 75% เร่งสอบพฤติการณ์ซุ้มมือปืน
"อธิบดีดีเอสไอ" ยอมรับพยานแฉพฤติกรรมกลุ่มผู้ต้องสงสัยอุ้มฆ่า "บิลลี่" เผยการสอบสวนคืบหน้า 75% ทนายเร่งป.ป.ช.ส่วนสำนวนให้ดีเอสไอสอบ ด้าน "มึนอ" ย้ำต่อสู้เพื่อให้รู้คำตอบ ฆ่าทำไม
เมื่อวันที่ 30 ก.ย.62 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกระเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ว่า ที่ผ่านมามีผู้แจ้งเบาะแสจากในพื้นที่เกี่ยวกับคดีเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอที่อยู่ในพื้นที่ก็กำลังสอบสวนอยู่ด้วยเช่นกัน พนักงานสอบสวนทุกคนพยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้คดีมีความชัดเจน ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปแล้ว 75 % หลังการประชุมพนักงานสอบสวนในวันที่ 7 ต.ค. จะแถลงความคืบหน้าคดีอีกครั้ง
ส่วนที่มีเบาะแสข้อมูลเป็นจดหมายเขียนด้วยลายมืออธิบายเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยในลักษณะเป็นซุ้มมือปืนนั้น อธิบดีดีเอสไอ ยอมรับว่ามีหลักฐานดังกล่าวจริง แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดได้เพราะเป็นข้อต่อสู้ในสำนวน สำหรับการดูแลความปลอดภัยให้กับนางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของนายบิลลี่ ดีเอสไอได้ส่งเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอยู่ตลอด เพราะนางสาวพิณนภาอยู่ในโครงการคุ้มครองพยานของดีเอสไอ ซึ่งในโอกาสที่ได้เจอกันในวันนี้ก็ได้สอบถามถึงสารทุกข์สุกดิบและความเป็นอยู่ทราบว่าขณะนี้ครอบครัวไม่มีอะไรน่ากังวล แต่หากต้องการความช่วยเหลือก็สามารถติดต่อดีเอสไอได้ทันที
ด้านน.ส.พิณนภา กล่าวว่า ตั้งแต่ครอบครัวเริ่มตามหานายบิลลี่ก็รู้สึกท้อ เพราะเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ไม่สามารถส่งเสียงให้ดังออกไปข้างนอกได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่รับแจ้งความ เพราะไม่ใช่คนไทย แต่ขอขอบคุณดีเอสไอที่ช่วยสอบสวนคดีจนทราบว่านายบิลลี่ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งครอบครัวยังติดใจมูลเหตุจูงใจที่ทำให้นายบิลลี่เสียชีวิต อยากรู้ว่านายบิลลี่ไปทำอะไรให้ถึงต้องฆ่า ทั้งนี้ ขณะนี้ไม่มีสิ่งบอกเหตุถึงความไม่ปลอดภัย เพราะในพื้นที่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคุ้มครองความปลอดภัยให้ แต่ยอมรับว่ามีความรู้สึกหวั่นไหวบ้าง ชาวบ้านในพื้นที่ได้เตือนว่าสิ่งที่กำลังต่อสู้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เป็นเรื่องใหญ่ที่อาจนำอันตรายมาถึงตัวเองและครอบครัว ทำให้บางครั้งรู้สึกกลัว แต่ไม่ท้อ ในตอนนี้สิ่งที่ต้องการคืออยากให้คดีจบเร็วๆ เพื่อให้ได้คำตอบว่าใครฆ่านายบิลลี่ ฆ่าทำไม และผู้ที่ถูกดำเนินคดีต้องไม่ใช่แพะ
ขณะที่นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประสานมูลนิธิประสานวัฒนธรรม ในฐานะทีมกฎหมายคดีชาวบ้านแก่งกระจาน ทนายของครอบครัวนายบิลลี่ กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่รัฐยอมรับว่านายบิลลี่เสียชีวิต โดยภายหลังดีเอสไอออกมารับรองการเสียชีวิตของนายบิลลี่แล้ว ทำให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญาแสดงให้เห็นว่านายบิลลี่เป็นเหยื่อที่เสียชีวิตจากการกระทำความผิดของผู้อื่น ซึ่งการรับรองของดีเอสไอและกรมคุ้มครองสิทธิ์ฯ จะทำให้ครอบครัวสามารถไปออกใบมรณะบัตรเพื่อเป็นหลักฐานในการรับสิทธิอื่นตามกฎหมายต่อไป เนื่องจากนายบิลลี่เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และยังทำประกันชีวิตไว้ด้วย
นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงความล่าช้าในการทำคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)ว่า ในส่วนของคดีเบื้องต้นทราบว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ส่งสำนวนคดีความผิดตามมาตรา 157 กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานไม่นำตัวนายบิลลี่ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเก็บของป่าให้ป.ป.ช.แล้วตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ป.ป.ช.ก็ยังไม่ส่งสำนวนคดีมาให้ดีเอสไอสอบสวน จึงอยากให้ป.ป.ช.เร่งส่งสำนวนมาให้ดีเอสไอโดยเร็ว เพื่อให้ดีเอสไอออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของบิลลี่ นอกจากนี้ อยากให้ป.ป.ท.เร่งสอบสวนคดีการเผาบ้านของปู่คออี้ด้วย