พระราชอาคันตุกะแห่งวาติกัน 350 ปี มิสซังในดินแดนสยาม
“สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสจะเสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2562 ตามคำเชิญของรัฐบาลไทยและสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย กำหนดการต่างๆ ของการเสด็จเยือนดังกล่าวจะประกาศให้ทราบต่อไป”
เป็นคำประกาศการเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของรัฐบาลไทยและสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลอง 350 ปีแห่งการสถาปนามิสซังสยามและฉลองครบ 50 ปีแห่งสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและนครรัฐวาติกัน โดย อาร์ชบิชอป พอล ชาง อิน นัม เอกอัครสมณทูตนครวาติกันประจำประเทศไทย กล่าวในงานแถลงข่าว ณ ห้องประชุมชั้น 11 อาคารรวมจิตเพียรธรรม โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ นำมาซึ่งความปลื้มปีติยินดีแก่ชาวไทยที่ได้รับทราบข่าวนี้
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก และพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ทรงเป็นพระสันตะปาปา ลำดับที่ 266 มีพระนามเดิมว่าฮอร์เก มาริโอแบร์โกลิโอ ส่วนพระนาม “Franciscus” ในภาษาละตินหรือ “Francis” ในภาษาอังกฤษซึ่งมาจากนามของนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ผู้ก่อตั้งคณะนักบวชฟรังซิสกัน ผู้ถือความยากจน สนใจและเอาใจใส่ผู้ด้อยโอกาส ส่งเสริมสันติภาพ และรักษ์สิ่งแวดล้อม
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาวิทยาศาสตร์ มหาบัณฑิต สาขาวิชาเคมี จากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส และประกาศนียบัตรสาขาวิชาปรัชญา จาก ColegioMáximoSan José ทรงเป็นอาจารย์วิชาวรรณกรรมและจิตวิทยาที่ Colegiode laInmaculada และ Colegiodel Salvador ทรงศึกษาวิชาเทววิทยา(theology) และถวายพระองค์เป็นนักบวชบาทหลวงในคณะแห่งพระเยซูเจ้า (เยสุอิต) จากนั้น ทรงดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ทางเทววิทยา ทรงสอนที่มหาวิทยาลัย Facultadesde Filosofíay Teologíade San Miguel นับเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากทวีปอเมริกาและคณะเยสุอิต อีกทั้งยังเป็นพระองค์แรกในรอบ 1,300 ปี ที่ไม่ได้เป็นชาวยุโรป
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงปฏิบัติพระกรณียกิจเสด็จเยี่ยมอภิบาลผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นผู้ยากไร้ในโรงพยาบาล ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ เรือนจำและศูนย์ดูแลผู้ลี้ภัยมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2556 สำหรับราชอาณาจักรไทย นับเป็นครั้งที่ 32 แห่งการจาริกเพื่อสันติภาพ และเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนา ประกอบพิธีมิสซาแบบสาธารณะ 2 ครั้ง คือสำหรับบรรดาคริสตชนคาทอลิกทั่วประเทศ และสำหรับเยาวชนเป็นพิเศษ ซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้
สำหรับศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในประเทศไทย ปรากฏหลักฐานว่ามิชชันนารีคณะโดมินิกัน เข้าสู่ประเทศไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่ปีพ.ศ.2054 และตั้งรากฐานอย่างถาวร เมื่อ สมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 9 ทรงสถาปนามิสซังสยาม(Apostolic Vicariate of Siam) ขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2212 มิชชันนารีและศาสนิกชนคาทอลิก นำวิทยาการจากตะวันตกมาช่วยเสริมในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ อีกทั้งยังประกอบกิจเมตตาสาธารณกุศลแก่ประชาชนโดยทั่วไป
คริสตศาสนิกชนยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์มาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ การเยือนระหว่างประมุขแห่งรัฐระหว่างราชอาณาจักรไทยและสันตะสำนักแห่งนครรัฐวาติกัน มีขึ้นครั้งแรกเมื่อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปเข้าเฝ้า สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินทวีปยุโรป เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2440
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 เสด็จพระราชดำเนินมาเข้าเฝ้า สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2477
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินมาเข้าเฝ้า สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์นที่ 23 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2503
ด้านความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสันตะสำนักแห่งนครรัฐวาติกันนั้น การติดต่อทางพระราชไมตรีระหว่างพระมหากษัตริย์สยาม และสมเด็จพระสันตะปาปาแห่งวาติกัน มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมาจนถึงปีพ.ศ.2512 สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโลที่ 6 ทรงสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทย และสันตะสำนักแห่งนครรัฐวาติกันในระดับเอกอัครราชทูต ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-วาติกันจึงได้กระชับแน่นแฟ้นขึ้นจนถึงปัจจุบัน
สำหรับการเสด็จเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระสันตะปาปานั้น เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อพ.ศ.2527 สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะ ระหว่างวันที่ 10-11 พฤษภาคม พ.ศ.2527 ทรงประกอบพระกรณียกิจ เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และเสด็จเข้าเฝ้า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ทรงเป็นประธานในพิธีมหาบูชามิสซาสำหรับคริสตศาสนิกชนชาวไทย ณ สนามศุภชลาศัยสนามกีฬาแห่งชาติ และประทานรางวัลให้แก่ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านโทรทัศน์ประจำปี 2526 รวมทั้งเสด็จพระดำเนินไปยังศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยชาวอินโดจีน ณ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี และทรงประกอบพิธีมหาบูชามิสซา และทรงเป็นประธานในพิธีบวชพระสงฆ์ใหม่จำนวน 23 รูป พร้อมกับทรงปิดปีศักดิ์สิทธิ์สำหรับประเทศไทย ณ สามเณราลัย นักบุญยอแซฟ สามพราน จังหวัดนครปฐม
เสด็จไปในงานสโมสรสันนิบาตที่รัฐบาลจัดถวายพระเกียรติ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เสด็จเยี่ยมโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ถนนสาทรใต้ เพื่อประสาทพรผู้ป่วยและเสวยพระกระยาหารค่ำก่อนเสด็จจากสถานเอกอัครสมณทูตวาติกันสู่สนามบินดอนเมืองโดยเครื่องบินพระที่นั่ง ออกจากสนามบินดอนเมืองสู่กรุงโรม
ส่วนการเสด็จเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส จะทรงประกอบศาสนกิจ อีกทั้งทรงเยี่ยมเยียนคริสตชนในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 ก่อนที่จะเสด็จเยือนเมืองนางาซากิและเมืองฮิโรชิมากรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 23-26 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 ต่อไป