'เฉลิม' ส่งทีมทนายฟ้องเว็บไซต์กุข่าว หนุนลงทุนการเงินบิทคอยน์
จี้ภาครัฐ ปราบพวกอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ให้เด็ดขาด ห่วง "ปชช.” ตกเป็นเหยื่อ
เมื่อวันที่ 29 กันยายน เวลา 14.00 น. นายสมัคร เชาวภานันท์ และ นายธนิต บัวเขียว คณะทนายความส่วนตัวนายเฉลิม อยู่วิทยา ประธานกลุ่มบริษัทสยามไวเนอรี่ แถลงต่อกรณีที่มีเว็ปไซต์ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนด้านการเงิน นำข้อมูลเผยแพร่ในเวปเพจ และแฟนเพจเฟซบุ๊คระบุว่านายเฉลิม คือ นักธุรกิจไทยที่สนใจและร่วมลงทุนในธุรกิจบิทคอยน์ ซึ่งตามกฎหมายไทยยังไม่ผ่านการรับรองที่ถูกต้องพร้อมกับอ้างถึงข้อความที่ระบุว่าได้กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนร่วมลงทุน
นายสมัครแถลงยืนยันว่าข่าวและข้อความที่เผยแพร่ดังกล่าวไม่เป็นความจริง อีกทั้งนายเฉลิมไม่เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ถึงความสนใจร่วมลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งกฎหมายในประเทศและกฎหมายต่างประเทศ
“คุณเฉลิมไม่มีความคิดจะลงทุนในธุรกิจทุกประเภทที่ผิดหรือขัดต่อกฎหมาย โดยเฉพาะธุรกิจที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น การลงทุนในบิทคอยน์ ซึ่งการนำข้อความพร้อมรูปภาพ ซึ่งอ้างว่าคุณเฉลิมให้สัมภาษณ์ลักษณะเชิญชวนให้ร่วมลงทุนด้านการเงินทั้งที่ข้อเท็จจริงคุณเฉลิมไม่เคยกระทำสิ่งดังกล่าว จึงถือว่าเข้าข่ายใช้ข้อมูลเท็จเพื่อล่อลวงกันทางธุรกิจ และอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ดังนั้นทีมทนายความส่วนตัวเตรียมรวบรวมหลักฐาน เพื่อฟ้องร้องคดีกับบุคคลที่เผยแพร่ข้อความ รวมถึงบุคคลที่ส่งต่อเนื้อหาดังกล่าวด้วย เพราะกรณีดังกล่าวถือว่าสร้างความเสียหายให้กับครอบครัวของคุณเฉลิม และการฟ้องร้องดังกล่าวต้องการยุติวงจรของพวกมิจฉาชีพที่ต้องการใช้ข่าวเท็จ เพื่อหลอกลวงประชาชน ที่จะเกิดผลเสียอย่างยิ่งกับสังคม” นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร กล่าวด้วยว่าสำหรับการดำเนินการฟ้องร้องนั้นจะดำเนินการได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินการรวบรวมหลักฐาน ทั้งนี้การฟ้องร้องคดีจะไม่มีการยอมความเด็ดขาด เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกิดเฉพาะกับนายเฉลิมหรือครอบครัวเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบไปยังประชาชนและสังคมวงกว้าง เพราะข่าวเท็จดังกล่าวเทียบเท่ากับการหลอกลวงประชาชน
นายสมัคร กล่าวอีกว่า ตนทราบว่าเว็ปไซต์ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนด้านการเงินได้นำบทสัมภาษณ์ของบุคคลที่เป็นทั้งนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง และนักการเมืองซึ่งคร่ำหวอดในวงการการเงินและการคลังซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงไปเผยแพร่และส่งต่ออีกหลายราย ทั้งนี้ตนคาดว่าเหตุที่ต้องใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงเพราะต้องการจูงใจให้ประชาชนหลงเชื่อได้ง่าย ดังนั้นการกระทำดังกล่าว ภาครัฐรวมถึงหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่กำกับการดูแลความปลอดภัยด้านการให้ข้อมูลข่าวสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ควรเร่งดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ
“ทั้งนี้ก่อนที่ภาครัฐจะมีมาตรการเอาผิดกับกลุ่มที่แสวงหาผลประโยชน์ ที่เข้าข่ายอาชญากรทางคอมพิวเตอร์ ผมอยากฝากให้ประชาชนเองที่เสพข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ควรตรวจสอบและใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร อย่าหลงเชื่อข้อมูลใดง่ายๆ โดยเฉพาะการลงทุนด้านการเงิน ดังนั้นก่อนการตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบและระมัดระวังก่อนตัดสินใจลงทุน” นายสมัคร กล่าว.