"ดีเอสไอ" ล็อกเป้าบินสำรวจอุทยานแก่งกระจาน พิสูจน์หลักฐานคำให้การเท็จ ปูพรมค้นตามข้อมูลการข่าว 6 จุด ตั้งแต่จุดจับกุมไปถึงจุดปล่อยตัว สืบหาซากรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ต้องสงสัยห้วยคมกฤต
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย นายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และนายสุธี เล้าสุบินประเสริฐ นายอำเภอแก่งกระจาน ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าในการสอบสวนคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ภายหลังดีเอสไอได้รับสำนวนการสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบไม่นำตัวบิลลี่ส่งให้สภ.แก่งกระจานดำเนินคดีฐานลักลอบเก็บของป่า จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดีเอสไอได้เรียกสอบปากคำ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ท. เนื่องจากพบว่า คำให้ถ้อยคำของพยานให้การขัดกันหลายจุด ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีเอสไอต้องประสานขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อบินสำรวจเส้นทางภายในอุทยานแก่งกระจานบินสำรวจเส้นทางและสภาพพื้นที่ของอุทยานแก่งกระจาน โดยจุดแรกที่จะบินสำรวจ คือ ด่านเขามะเร็ว จุดที่ 2 แยกหนองมะค่า จุดที่ 3 สะพานแขวนแก่งกระจาน จุดที่ 4 ไร่ชัยราชพฤกษ์ จุดที่ 5 ห้วยคมกฤต และจุดที่ 6 ใจกลางแผ่นดิน ซึ่งเป็นจุดที่บ้านชุมชนชาวกะเหรี่ยงถูกเผาไล่ที่ เพื่อนำรายละเอียดทั้งหมดไปประกอบสำนวนการสอบสวน ตั้งแต่จุดที่มีการควบคุมตัวบิลลี่ การแจ้งความว่าบิลลี่หายตัวไป และการติดตามหาตัวบิลลี่จนสามารถค้นพบชิ้นส่วนกระดูก
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ในสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอและป.ป.ท. มีคำให้การของพยานบุคคลและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย กล้องวงจรปิดและข้อมูลการติดต่อสื่อสารในวันเกิดเหตุ การบินสำรวจสภาพพื้นที่เพื่อพิสูจน์ว่าคำให้การของพยานตรงจุดใดเป็นข้อมูลจริง และคำให้การส่วนใดเป็นข้อมูลเท็จ เช่น เจ้าหน้าที่ซึ่งเคยให้การว่าในวันเกิดเหตุผ่านไปยังเส้นทางใด และปล่อยตัวในจุดใด เส้นทางใด ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันการสอบสวนของดีเอสไอให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน และเป็นการสอบสวนคดีอย่างละเอียดทั้งมูลเหตุจูงใจก่อนเกิดเหตุว่า มีเหตุขัดแย้งอะไรกับบ้างจนทำให้บิลลี่ต้องถูกฆาตกรรม รวมทั้งกรณีหมู่บ้านกะเหรี่ยงถูกเผา ในวันเกิดเหตุหายตัวใครเป็นผู้สั่งน้ำผึ้งจนเป็นเหตุให้บิลลี่ต้องเข้ามาเก็บน้ำผึ้งป่า 5 ขวด สำหรับความคืบหน้าเรื่องการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกอีก 8 ชิ้น ได้รับการประสานจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ว่า พบพบดีเอ็นเอในกระดูก 8 ชิ้น ตรงกับพันธุกรรมของนางโพเราะจี รักจงเจริญ แม่ของบิลลี่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการใช้เครื่องมือและเทคนิคทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ยืนยันดีเอ็นเอของผู้ตาย รวมถึงการพิจารณาตัดสินใจว่าจำเป็นต้องส่งวัตถุพยานไปตรวจในห้องปฏิบัติการในต่างประเทศหรือไม่
“จากการตรวจสอบถ้อยคำพยานที่ป.ป.ท.สอบสวนไว้ พบว่าเจ้าหน้าที่แต่ละคนให้การไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงข้อมูลทั้งหมดจะต้องสัมพันธ์กัน เมื่อให้การไม่ตรงกันในชั้นสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เคยให้ปากคำว่าประสงค์จะให้การใหม่หรือไม่ ขณะนี้แม้ว่า สำนวนการสอบสวนของดีเอสไอและป.ป.ท.มีหลักฐานเพียงพอแล้ว แต่เรายังต้องการทำให้สำนวนมีความแน่นหนามากขึ้น เพราะเมื่อส่งสำนวนถึงอัยการอาจมีความเห็นต่างสั่งสอบสวนเพิ่มเติม ดังนั้นดีเอสไอจึงต้องพยายามเต็มที่เพื่อให้มีหลักฐานครบถ้วนจนปราศจากข้อสงสัย และมั่นใจว่าจะสรุปสำนวนคดีก่อนวันที่ 3 ธ.ค. นี้”พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามท้องถิ่นในพื้นที่ว่าหากคดีนี้อัยการสั่งไม่ฟ้องดีเอสไอจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร เพราะใช้งบประมาณจำนวนมากไปกับการหายตัวไปของคนๆเดียว พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ตนไม่สามารถไปก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมในชั้นอัยการและศาล เพราะเป็นดุลพินิจของแต่ละฝ่าย ตนไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อดีเอสไอฟ้องคดีแล้วอัยการจะเห็นพ้องหรือไม่ และหากสั่งฟ้องไปแล้วศาลจะมีคำสั่งอย่างไร ตอบได้เพียงว่าคดีนี้ดีเอสไอไม่ได้สอบสวนฝ่ายเดียว มีอัยการร่วมเป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมหลักฐานเพื่อคลี่คลายคดีอย่างเต็มความสามารถ
ด้านพ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ในพื้นที่มีคณะทำงานของดีเอสไอหลายชุด ชุดหนึ่งทำหน้าที่ตรวจหารถจักรยานยนต์และกล้องถ่ายภาพของบิลลี่ที่หายไป การบินสำรวจจะดูตั้งแต่จุดที่เจ้าหน้าที่จับกุมตัวบิลลี่ เส้นทางที่อ้างว่าปล่อยตัว และเส้นทางต่างๆ ซึ่งประกอบอยู่ในสำนวนคดี เป็นการมองภาพจากมุมสูงและจะพยานามบินให้ต่ำที่สุดเพื่อให้เห็นภาพ เนื่องจากการมองภาพจากแอพพลิเคชั่นกูเกิ้ลจะให้ภาพอีกแบบ แต่การบินสำรวจจะเห็นภาพเพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และนำไปวิเคราะห์เส้นทางต่างๆ จนนำไปสู่การค้นพบกระดูกของบิลลี่ โดยทั้ง 6 จุดที่กำหนดบินสำรวจมีความสำคัญทั้งหมด เช่น จุดปล่อยตัว หนองมะค่ามีระยะห่างไกลอย่างไร หรือจุดห้วยคมกฤตซึ่งมีสภาพเป็นห้วยลึก และยังเป็นประเด็นข้อสงสัยถึงลักษณะพื้นที่ จึงจำเป็นต้องปูพรมตรวจค้นตามข้อมูลการข่าว เพราะขณะนี้ดีเอสไอยังหารถจักรยานยนต์ไม่พบ รวมถึงคำให้การในจุดที่ไม่สมเหตุสมผล ไม่สอดคล้องกับความจริง เพราะทุกอย่างจะฟ้องด้วยภาพจากกล้องวงจรปิด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-'ดีเอสไอ' ได้พยานสำคัญ ให้ข้อมูลทีมฆ่าบิลลี่
-เป็นใคร? 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า'บิลลี่'
-ดีเอสไอจ่อแจ้ง 3 ข้อหาหนัก ชุดอุ้มฆ่า'บิลลี่'
-ดีเอสไอยังไม่พิจารณาหมายเรียก คดี “บิลลี่”
-พบหลักฐานดีเอนเอ 'บิลลี่' เสียชีวิต ดีเอสไอเชื่อ
-ดีเอสไอนัดลงมติปิดคดี 'บิลลี่' 19 ก.ย.