ผบ.ทบ.ลั่นตายก็ไม่มีวัน ‘ธนาธร’ปัดร่วมม๊อบฮ่องกง
“อภิรัชต์” ลั่นห้ามแตะ รธน.มาตรา1 อัดพวก“ฮ่องเต้ชินโดรม”พฤติกรรมล้มล้างชาติ ชี้รัฐบาลยุค45 ต้นตอไฟใต้ ด้าน “ธนาธร” แจง9ข้อปมถ่ายภาพคู่ “โจชัว หว่อง” ปัดร่วมม๊อบฮ่องกง ขณะที่นายกฯ เชื่อนักการเมืองไทย หนุนฮ่องกงแยกตัว ไม่กระทบสัมพันธ์ไทยจีน
ท่าทีจากกองทัพบกต่อกรณีที่มีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญ (รธน.) มาตรา1ผ่านเวทีเสวนา “พลวัฒแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่”จัดโดย7พรรคฝ่ายค้าน วานนี้(11 ต.ค.)พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) บรรยายพิเศษ กล่าวตอนหนึ่งในการบรรยายพิเศษหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ตอนหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญไทยเริ่มต้นเมื่อปี 2475 มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้ง ในวันนี้ที่ตนออกมาพูดขอย้ำว่าตนไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ แต่มาตรา 1เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เกี่ยวกับเลือดเนื้อชีวิตของบรรพบุรุษที่รักษาขวานทองไว้ ตนบอกได้เลยว่าไม่มีวันถึงตนตายไปทหารรุ่นใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาทดแทน และตนเชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงทุกคนและประชาชนที่รู้ว่าบรรพบุรุษซึ่งอาจจะเคยร่วมเป็นทหารเพื่อรักษาแผ่นดินของเราไว้
“ในโลกนี้ก็ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนของประเทศใด ที่สามารถแบ่งแยกดินแดนได้ไม่มี มันจบแล้วครับ เพราะฉะนั้นจะแก้มาตราใดก็แก้ ถ้าแก้มาตราที่1ก็จะกระทบกับมาตราอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์นี้คือความชาญฉลาดของพวกนักวิชาการ ที่ไม่พูดตรงๆออกมา ว่าอยากทำอะไรอยากแก้อะไร จึงยกประเด็นมาตรา 1 เพื่อให้กระทบมาตราอื่นผมย้ำว่าไม่ได้มาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ผมไม่ยุ่งกับการเมืองแต่นี้คือเรื่องของฝ่ายความมั่นคง” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
ชี้ยุค45ต้นตอปัญหาไฟใต้
ขณะเดียวกันสิ่งที่เกิดขึ้นและส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาภาคใต้ เริ่มจาก ปี 2545 ที่มีการประกาศยุบศูนย์บริหารบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)พร้อมกับประกาศว่า “ไม่มีโจรก่อการร้ายอีกแล้วพวกที่เหลือเป็นแค่เพียงโจรกระจอก” หลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเริ่มยุทธการใบไม้ร่วง ลอบยิง วางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เป็นเป้าหมายหลัก เช่นเดียวกับกรณีของกทม. ที่เริ่มหนักขึ้นหลังเลือกตั้ง วันที่ 24มี.ค.2562 โดยเฉพาะเหตุการณ์ช่วงต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา มีคนเข้ามาลอบวางระเบิดในกทม.8 จุด ผมบอกได้เลยว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจรวมถึงตัว
“ผมจะไม่วางมือโดยเด็ดขาด ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เชื่อมโยงกับใครผมจะไม่มีวันวางมือ เอาคนจากข้างล่างไปวางแผนฝั่งโน้น และมาทำในเขตกทม.หลังมีการเลือกตั้งไม่กี่เดือน หลังจากนั้นมีคนหนึ่งกลุ่มลงไปนั่งเสวนานักวิชาการ อาจารย์บางคน นั่งเทียนไถ่โทรศัพท์มือถือแล้วบอกว่าเชี่ยวชาญชำนาญในภาคใต้ ต้องแก้ปัญหาแบบนี้”
อัดกลุ่มล้มล้าง‘ฮ่องเต้ซินโดรม’
ผบ.ทบ.ยังกล่าวว่า วันนี้มีกลุ่มนักวิชาการบางกลุ่มลงไปเสวนา โดยที่หาาข้อมูลด้วยการใช้มือไถแท็บเล็ตหาข้อมูล และสมคบคิด แล้วอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งสมคบกับพวกนักเรียนนอก ซ้ายจัดดัดจริต ที่ไปเรียนต่างประเทศในประเทศที่เคยล่าอาณานิยม และชอบใช้ 2475 เป็นตัวชี้นำ อ้างว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้วง หรือ ให้พวกนักการเมืองบางคน นึกถึงประโยชน์ส่วนตัวไม่นึกถึงส่วนรวม หรือนักการเมืองที่อยู่ในภาคใต้ เอาเรื่องศาสนาการแบ่งแยกดินแดน
“ผมจึงอยากจะถามว่าเราจะเชื่อกลุ่มนักการเมืองผึ้งแตกรัง ลูกพี่หนีคดีไปต่างประทศ หรือจะเชื่อนักธุรกิจ ที่ชีวิตเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง มีพฤติกรรมร่วมชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง ชักศึกเข้าบ้าน เจาะพฤติกรรม ล้างสมองคนรุ่นใหม่ มีพฤติกรรมล้มล้างชาติ สถาบัน เรียกว่าฮ่องเต้ซินโดรม”ผบ.ทบ.กล่าว
นอกจากนี้ยอมรับว่า ทหารเป็นเป้าถูกโจมตีมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ขอให้จำไว้ทหารทุกคนไม่ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล พวกตนก็รับใช้ทำงานให้ตามรัฐธรรมนูญตามกฎหมาย ไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือเลือกนาย แต่กลุ่มนี้ไม่ได้มองทหารปกป้องรัฐธรรมนูญหรือประเทศชาติแต่มองทหารเป็นอุปสรรคประชาธิปไตย มีวาทะกรรมขึ้นทุกครั้งมาหวังผลทางการเมือง
“เอาใจน้องๆ วัยรุ่น ไม่ต้องเกณฑ์ทหารบ้างละ ลดงบประมาณกองทัพบกงบประมาณกระทรวงกลาโหม จัดซื้ออาวุธทำไม หนักแผ่นดิน ประเทศไทยเปรียบเหมือนบ้านหลังใหญ่ เหนือหลังคาขึ้นไปคือสถาบันพระมหากษัตริย์”ผบ.ทบ.กล่าว
ยันจับตาภัยก่อการร้ายทุกรูปแบบ
ยืนยันว่าคนไทยทุกคน เป็นเจ้าของ 3 เสาหลักของประเทศไทย คือ 1.อำนาจนิติบัญญัติ ในการออกกฎหมายที่มาจาก ส.ส.เลือกกันมา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 2.อำนาจบริหารซึ่งอยู่ที่คณะรัฐมนตรีข้าราชการ ในการบริหารประเทศ 3.อำนาจตุลาการซึ่งสำคัญสุดเนื่องจากอำนาจตุลาการหรืออำนาจศาล มีความพยายามทุกรูปแบบทำให้อำนาจตุลาการขาดความน่าเชื่อถือ
“ผมจำได้ว่า ประมาณปี 45-46 ได้เข้าไปติดตามสถานการณ์ไปฟังการตัดสินการยุบพรรคการเมืองและหลังมีการตัดสินยุบพรรคการเมืองหนึ่ง เริ่มมีความไม่พอใจแสดงออกในรูปแบบต่างๆ พยายามแทรกแซงผู้พิพากษาทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ”พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
นอกจากนี้การก่อการร้ายในต่างประเทศนั้นปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองทั้งภายในและนอกประเทศเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลากองทัพบกในฐานะที่รับผิดชอบดูแลด้านความมั่นคงของชาติจึงจำเป็นต้องปรับองค์กรและภารกิจให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างบรรยายผบทบ.ได้เปิดภาพ นายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายคู่กับนักการเมืองไทย แต่ไม่ได้เปิดหน้านักการเมืองรายนี้
“นายหว่องเดินทางมาประเทศไทยหลายครั้งเพื่อมาพบกับบุคคลบางคน การเดินทางมาพบพูดคุยกันนั้น มีการสมคบคิดวางแผนอะไรกันอยู่หรือไม่” พล.อ.อภิรัชต์ ตั้งคำถาม
“ธนาธร”แจง9ข้อรูปคู่“โจชัว หว่อง”
ขณะที่ท่าทีจากพรรคอนาคตใหม่ภายหลังพล.อ.อภิรัชต์ กล่าวบรรยายพิเศษ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ชี้แจงกรณีภาพถ่ายระหว่างผมกับโจชัว หว่องเนื้อหา9โดยสรุปข้อคือ 1. เมื่อวันที่ 5 ต.ต. ที่ผ่านมา ได้รับเชิญจากนิตยสาร The Economist ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก 2. หลังจากที่งานเลิกแล้ว ผมและโจชัว หว่อง พบกันในบริเวณงานและได้คุยกันประมาณ 5 นาที เราถ่ายรูปด้วยกันและแยกย้ายกันหลังจากนั้น
3.ผมไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใดๆ ในฮ่องกง 4. การสนทนาและถ่ายรูปกันในหมู่ผู้พูดในงานสัมมนาต่างๆ เป็นเรื่องปกติ 5. ในเวทีสัมมนานานาชาติเช่นนี้ การพบปะพูดคุยกับคนที่มีความคิดหลากหลายเป็นธรรมดา และเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เรียนรู้ความเห็นที่หลากหลาย 6. ผมได้พูดถึง “ฮ่องกง” ในระหว่างที่ผมบรรยายอยู่บนเวทีจริง โดยหยิบยกสถานการณ์ปลายปี 2560 ตอนที่ผมและเพื่อนๆ กำลังตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเพื่อยุติการสืบทอดอำนาจของระบอบคสช. แต่สุดท้ายเราตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองและต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงผ่านระบบรัฐสภาแทน
7.ถ้าจะถามผมต่อเรื่องฮ่องกง ผมสนับสนุนการเคารพธรรมนูญการปกครองฮ่องกงซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อฮ่องกงถูกส่งคืนสู่เขตอำนาจอธิปไตยของจีน โดยยึดหลัก “หนึ่งประเทศ สองระบบ” อย่างสมดุล และเคารพสิทธิการเลือกตั้งผู้บริหารฮ่องกงอย่างเป็นประชาธิปไตย8. ผมสนับสนุนการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกโดยสันติเสมอมา ผมปรารถนาที่จะเห็นสถานการณ์ที่ฮ่องกงคลี่คลายไปได้ด้วยดี
และ.9. รูปถ่ายระหว่างผมกับโจชัว เพียงภาพเดียวถูกนำมาขยายความต่อเกินความจริง โดยปราศจากหลักฐานยืนยันใดๆ ขอยืนยันอีกครั้งว่าเราสร้างพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาด้วยความปรารถนาดีต่อประเทศ เราอยากเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันประเทศสู่ประชาธิปไตย, สร้างความเสมอภาคเท่าเทียมในสังคม และส่งต่อสังคมที่ดีกว่านี้ให้แก่คนรุ่นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้(12 ต.ค.) เวลา10.00 น.-11.00น. พรรคอนาคตใหม่จะเปิดเวทีบรรยายพิเศษ โดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองประชาธิปไตย : บทบาทของประชาชน ในการสร้างชาติ” ณ ที่ทำการพรรค
มั่นใจสัมพันธ์-ไทยจีนไม่สะดุด
ขณะที่ความคืบหน้าหลังสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์การเมืองและการชุมนุมที่เกาะฮ่องกง โดยระบุว่า มีนักการเมืองไทยหนุนม็อบฮ่องกงแยกตัวจากจีน ซึ่งถือเป็นการทำผิดร้ายแรง หวั่นกระทบสายสัมพันธ์ไทย-จีน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าวดดยระบุเพียงสั้นๆว่า “ฮ่องกงก็เรื่องของฮ่องกง”
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่านายกรัฐมนตรีไม่มีความเห็นในเรื่องดังกล่าวเพราะเป็นการกระทำของนักการเมืองตามที่สถานทูตจีนระบุถึง ซึ่งไม่ได้ระบุถึงรัฐบาลแต่อย่างใด ส่วนรัฐบาลไทยและจีนนั้นยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน อย่างไรก็ดีคงไม่มีท่าทีจากรัฐบาลไทย เพราะแถลงการณ์ที่ออกมาไม่กล่าวถึงรัฐบาลแต่เป็นเรื่องตัวบุคคล
เช่นเดียวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้ติดตามข่าวจากทางโทรทัศน์ ยังไม่ได้รับรายงานใดๆ แต่การที่ใครจะไปเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่ต้องรับผิดชอบ และรับผลกระทบที่จะได้รับกลับมา อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลไทยไม่มีอะไรกับจีนอยู่แล้ว คงไม่กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ส่วนจะมีการตักเตือนนักการเมืองหรือไม่ คงต้องดูว่ามีการฟ้องร้องดำเนินการอย่างไร
กกต.รับลูกเล็งตั้งกรรมการสอบ
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กล่าวว่า กรณีดังกล่าวตนได้ทราบข่าวจากสื่อทางสำนักงานก็ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ถ้าเห็นว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องเข้าข้อกฎหมายที่กกต.รับผิดชอบ สำนักงานก็จะเสนอว่ามีมูลความผิดหรือไม่ จำเป็นที่กกต.ต้องตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบ ส่วนตนเองต้องศึกษาเพราะ ข้อเท็จจริงที่ได้ยังไม่ครบถ้วนจะให้ตอบว่าผิดหรือไม่ผิดเลยก็จะเป็นความเห็นของคนๆเดียว