ผลประกอบการสดใสหนุนดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร (15ต.ค.)พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และดัชนียังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ค เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตดีดตัวขึ้นในเดือนต.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 237.44 จุดหรือ 0.89% ปิดที่ 27,024.8 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 29.53 จุด หรือ 1.00% ปิดที่ 2,995.68 จุด และดัชนีแนสแด็ก บวก 100.06 จุดหรือ 1.24% ปิดที่ 8,148.7 จุด
เจพี มอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3 โดยมีกำไร 2.68 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.45 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 3.01 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.850 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไร 2.12 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.01 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 2.073 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.007 หมื่นล้านดอลลาร์
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0 ในเดือนต.ค. จากระดับ 2.0 ในเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 0.8 ในเดือนต.ค.
ผู้ถูกสำรวจจำนวน 30% ระบุว่าภาวะธุรกิจดีกว่าในเดือนก.ย. ขณะที่ 26% ระบุว่าภาวะธุรกิจย่ำแย่ลง
ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก