'สมศักดิ์' ย้ำความตั้งใจสะสางคดีฆ่า 'โทโมโกะ'
"สมศักดิ์" คุยตำรวจญี่ปุ่น ยันตั้งใจสะสางคดี "โทโมโกะ" เผยพบเบาะแสฆาตกรเสียชีวิตตั้งแต่ปี 53 ขยายรัศมีตรวจค้น 938 เมตร เร่งเก็บดีเอ็นเอพี่สาวผู้ต้องสงสัย-คนงานฟาร์มหมู-ผู้มีประวัติเสพยา ลุ้นผลตรวจดีเอ็นเอ 15 พ.ย.นี้
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กงสุลของสถานฑูตประเทศญี่ปุ่นเข้าพบเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีฆาตกรรม น.ส.โทโมโกะ คาวาซิตะ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ที่เสียชีวิตในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2550 ว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ลงพื้นที่เก็บดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยโดยขยายพื้นที่จากเดิมในรัศมี 200 เมตร เป็น 938 เมตร จากเดิมที่เคยมีการเก็บดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยและกลุ่มผู้ต้องสงสัย 326 ตัวอย่างเพื่อนำมาประกอบข้อมูล วัตถุพยานอีก 24 ชิ้น รวม 350 ตัวอย่างดีเอ็นเอ ซึ่งสถานทูตญี่ปุ่นได้สอบถามถึงสิ่งบอกเหตุที่ทำให้ทางการไทยต้องดำเนินการต่อ ตนจึงชี้แจงว่า ในช่วงต้นปี 2562 ได้พยานบุคคลบอกเล่าถึงตัวผู้ต้องสงสัยว่า ขณะที่ผู้ต้องสงสัยมีอาการมึนเมาและคุ้มคลั่งได้พูดว่า “มีดด้ามนี้เคยใช้ทำร้ายโทโมโกะ”
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่าผู้ต้องสงสัยดังกล่าวได้เสียชีวิตจากการถูกวางยาพิษตั้งแต่ปี 2553 ขณะเสียชีวิตมีอายุ 32 ปี เป็นคนงานในฟาร์มหมู เคยมีประวัติติดสุราและยาเสพติด แต่ในช่วงเกิดเหตุผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวไม่ได้เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ถูกเก็บดีเอ็นเอเนื่องจากอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุในรัศมี 938 เมตร ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวตำรวจได้พลิกแผ่นดินหาตัวคนร้าย โดยปูพรมตรวจดีเอ็นเอบุคคลในรัศมี 200 เมตร อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เบาะแสจากพยานบอกเล่าดังกล่าว ดีเอสไอจึงลงพื้นที่นำกระดูกของผู้ต้องสงสัยมาตรวจพิสูจน์ แต่ไม่สามารถสกัดสารดีเอ็นเอได้เนื่องจากผู้ตายถูกฌาปนกิจ กระดูกถูกเผาด้วยความร้อนสูงจึงไม่หลงเหลือดีเอ็นเอ ดังนั้น จึงพุ่งเป้าเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอพี่สาวผู้ต้องสงสัยและคนงานในฟาร์มหมูทั้งหมด รวมถึงผู้ที่มีประวัติติดยาเสพติด ลักขโมย ทั้งหมด โดยคาดว่าจะสามารถแถลงความชัดเจนถึงผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอได้ภายในวันที่ 15 พ.ย. หากดีเอ็นเอของเป้าหมายตรงกับร่องรอยที่ทิ้งไว้บนเสื้อผ้าของโทโมโกะ ก็จะช่วยบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่จะสรุปสำนวนการสอบสวน
"ดีเอ็นเอจะช่วยตอบคำถามในคดีได้ดีที่สุด ทั้งนี้ทางการญี่ปุ่นแสดงความเป็นห่วงอายุความคดีฆาตกรรมซึ่งจะหมดอายุความในปี 2570 ทำให้เหลือเวลาอีก 7-8 ปี ก็จะพยายามเร่งรัดติดตามอย่างเต็มที่ เพราะคงไม่สามารถไปแก้กฎหมายให้คดีอาญาของไทยไม่มีอายุความเหมือนที่ประเทศญี่ปุ่นได้" นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ญี่ปุ่นกังวลว่าไทยเคยหยุดการสอบสวนไประยะหนึ่งนั้น ขอยืนยันว่าดีเอสไอไม่เคยหยุดสืบสวนหาข้อมูลในทางลับ การสอบสวนเหมือนจะหมดประเด็นเพราะดีเอ็นเอไม่ตรงกับวัตถุพยาน แต่เมื่อตนได้รับทราบข้อมูลจากตำรวจในพื้นที่หลังเหตุการณ์ผ่านมา 11 ปี ว่าใครเข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัยหรือฆาตกร จึงต้องดำเนินการอย่างถึงที่สุด มูลเหตุจูงใจที่มีการเร่งรัดคดี เพราะตนเป็นคนสุโขทัย ที่เกิดเหตุอยู่ไม่ไกลบ้าน จึงคิดมาตลอดว่าหากมีโอกาสอยากช่วยสะสางคดีที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ หลังเกิดเหตุนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นหายไปจำนวนมาก ก่อนเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาเที่ยวสุโขทัยปีละ 10,000 คน แต่หลังเกิดเหตุนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นไม่มาสุโขทัยอีกเลย แม้การท่องเที่ยวจะประชาสัมพันธ์เต็มที่ก็ดึงนักท่องเที่ยวกลับมาได้เพียง 60% จึงจำเป็นต้องคลี่คลายคดีเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่าทางการญี่ปุ่นยังได้สอบถามถึงเงินประกันชีวิตกรณีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตซึ่งสามารถนำมาเป็นรางวัลนำจับให้กับคดีโทโมโกะ ตนจึงได้สอบถามไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้รัฐบาลจ่ายเงินประกัน 300,000-1,000,000 บาทให้กับกรณีของโทโมโกะเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากการทำประกันให้นักท่องเที่ยวเพิ่งเริ่มเมื่อปี 2553 หลังคดีโทโมโกะเกิดขึ้นแล้ว 3 ปี หากมีความชัดเจนก็จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง