'ประยุทธ์' เปิดงาน 'Digital Thailand Big Bang 2019' ชู 6 ยุทธศาสตร์ชาติ
"ประยุทธ์" เปิดงาน "Digital Thailand Big Bang 2019" ระบุรัฐบาลเน้นนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย และใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศในทุกมิติ ขอทุกคนร่วมสร้างเครือข่ายในประเทศ-อาเซียน สร้างโอกาสจากเทคโนโลยี
เมื่อวันที่ 28 ต.ค.62 เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติ “Digital Thailand Big Bang 2019” จัดโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEPA กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ระหว่างวันที่ 28 - 31 ตุลาคม 2562 โดยมีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ผู้บริหารกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานในครั้งนี้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมอบรางวัล Prime Minister’s Digital Award 2019 พร้อมกล่าวแสดงความชื่นชมยินดีกับรางวัล “The Winner” จากโครงการ “เน็ตประชารัฐ” ในงาน “World Summit on the Information Society (WSIS) Prizes 2019” โดยเป็น 1 ใน 5 โครงการที่ได้รับคะแนนโหวตออนไลน์สูงสุด ซึ่งจัดโดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการดำเนินการตามผลการประชุมสุดยอดระดับโลกว่าด้วยสังคมสารสนเทศและสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี ค.ศ. 2030
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย ร่วมกับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐ สำหรับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง รวมทั้งได้ดำเนินการตามนโยบายมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและประโยชน์ขนาดใหญ่จากข้อมูลจากภาครัฐ มาพัฒนากลุ่มคนและธุรกิจที่สำคัญ คือ เกษตรและ SMEs ซึ่งทุกวันนี้โลกได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล รัฐบาลได้ประกาศวิสัยทัศน์ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อให้ประเทศไทยเห็นถึงความสำคัญของบทบาทการนำเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำเกษตรกรรมซึ่งจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่งมีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐ
สำหรับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง การก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล และการขับเคลื่อนผ่านนโยบายหลักของรัฐบาล 12 ด้าน และนโยบายเร่งด่วน 12 ด้าน โดยส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เข้าไปในแต่ละยุทธศาสตร์ชาติ ทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือ หรือกลไกสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม การเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากโครงข่ายเน็ตประชารัฐ
ยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ยุทธศาสตร์ที่ 6 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารภาครัฐ อีกทั้งยังผลักดันให้ภาครัฐ 20 กระทรวง เร่งจัดทำข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง โดยมี 4 ส่วนสำคัญที่รัฐบาลต้องการเห็นโดยเร็ว คือ (1) Big Data ของแต่ละหน่วยงาน (2) ศูนย์ข้อมูล Data Center (3) Cloud Service บริการรับฝากข้อมูล (4) กำลังคน อีกด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าวยังได้สอดคล้องกับการที่ประเทศไทยได้รับบทบาทประธานอาเซียนอีกครั้งหนึ่งในรอบ 10 ปี และเพื่อเป็นการมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลร่วมกันในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนสามารถขยายตัวได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับทุกคนสามารถเข้าถึงประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมจากการใช้เทคโนโลยีอย่างมากมายด้วย พร้อมกันนี้ ขอให้ทุกคนช่วยกันมองไปในอนาคต และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศอาเซียนไว้ เพื่อสร้างโอกาสจากเทคโนโลยีต่าง ๆ และนวัตกรรมในการสร้างสรรค์ความก้าวหน้าให้กับภูมิภาค โดยเฉพาะการสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับประชาชนมากที่สุด ดังนั้น เราจะต้องร่วมกันทำงาน และก้าวไปสู่การเติบโตด้วยกัน อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตลอดไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลตามบูธต่าง ๆ เน้นการนำเสนอรูปแบบการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และพัฒนาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดิจิทัล และในงานได้แบ่งพื้นที่เป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ โซนที่ 1: DIGITAL ECONOMY การพัฒนาเมืองสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โซนที่ 2: DIGITAL SOCIETY พื้นที่แสดงถึงความสำคัญเกี่ยวกับทักษะด้านดิจิทัล โซนที่ 3: CREATIVITY พื้นที่ที่รวบรวมเทคโนโลยีเพื่อการสร้างสรรค์จากหลากหลาย Startup