โรงแรมไทย แห่“หั่นราคา”ไฮซีซัน ชิงกำลังซื้อ
ปกติแล้วช่วงไฮซีซันปลายปีถึงต้นปีถัดไป จะเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการโรงแรมไทยในการปรับขึ้นราคาห้องพัก ทว่าแนวโน้มไฮซีซันปีนี้ดูผิดแปลก เพราะแทนที่จะขยับราคา กลับหั่นค่าห้อง ชิงกำลังซื้อแข่งกันเพื่อรักษาอัตราเข้าพักไว้ให้มั่น
ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ฉายภาพรวมว่า สถานการณ์ตลาดโรงแรมไทยในช่วงไฮซีซันนี้ ตั้งแต่ไตรมาส4/2562ถึงไตรมาส1/2563 คาดว่าจะเห็นการอัดโปรโมชั่น “ลดราคาห้องพัก” เฉลี่ยมากกว่า10% ต่างจากปกติในช่วงไฮซีซั่นที่ผู้ประกอบการโรงแรมจะสามารถขยับราคาห้องพักได้10%ขึ้นไป เมื่อเทียบกับราคาห้องพักในช่วงปกติ
“เหตุผลที่ผู้ประกอบการโรงแรมจำเป็นต้องเล่นราคาในไฮซีซันนี้ เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการมากที่สุดแล้ว ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับการแข่งขันในทุกพื้นที่ซึ่งเผชิญปัญหาห้องพักล้นตลาดหรือโอเวอร์ซัพพลาย ทั้งจากคู่แข่งโรงแรมที่ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และที่พักให้เช่าระยะสั้นซึ่งเสนอขายผ่านแพลตฟอร์มจองห้องพักออนไลน์ต่างๆ เมื่อดีมานด์นักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเลือกที่พักแบบอื่นมากขึ้น ก็ฉุดแนวโน้มราคาห้องพักของโรงแรมและอัตราเข้าพักลดลงตามไปด้วย”
ทั้งนี้ ทีเอชเอ คาดว่าอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศในไตรมาส4 ปีนี้ จะอยู่ที่65-75%ถือว่าดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต เมื่อเดือน ก.ค.2561ที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวเอเชียถือว่ากระแสการเดินทางค่อนข้างดี ต่างจากนักท่องเที่ยวยุโรปที่ยังเดินทางมาเที่ยวไทยก็จริง แต่ไม่เห็นแนวโน้มเติบโตทั้งที่ภาคท่องเที่ยวไทยกำลังจะเข้าสู่ไฮซีซันในเดือน พ.ย.นี้ เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในยุโรปและความผันผวนของค่าเงิน
สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่โดดเด่นในไตรมาส4นี้ ยังยกให้เป็นจีน แม้มีปัจจัยเสี่ยงอย่างสงครามการค้าและค่าเงินทั้งบาทแข็งและหยวนอ่อน แต่ด้วยจำนวนเที่ยวบินระหว่างไทยกับจีนที่มีจำนวนมาก ยังเอื้อให้เกิดกระแสการเดินทางที่ดี โดยเฉพาะเที่ยวบินไปเมืองท่องเที่ยวหลัก ทำให้นักท่องเที่ยวจีนยังกระจุกตัวในเมืองเดิมๆ ทั้งกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่
ส่วนตลาดอินเดีย พบว่านิยมเดินทางมาเป็นกลุ่มใหญ่รูปแบบท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (อินเซนทีฟทัวร์) มากขึ้น และน่าจะเห็นแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง สิ้นปีนี้จบที่2ล้านคน แต่ยอมรับว่ายังห่างไกลจากตลาดใหญ่อันดับ1อย่างจีนที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะเดินทางมาเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า11ล้านคน
ด้าน สันต์ บุญบรรลุ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด โรงแรมแอมบาสเดอร์ กรุงเทพฯ ขนาด760ห้องพัก บอกว่า จากการรุกทำตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียมานานหลายปี จนมีส่วนแบ่งมากที่สุดคิดเป็น40%ของลูกค้าโรงแรมฯทั้งหมด และได้อานิสงส์การเติบโตของนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย หลังรัฐบาลได้ต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival: VoA)อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ19ประเทศ (รวมอินเดีย) ไปสิ้นสุดวันที่30เม.ย.2563จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาต่ออายุมาตรการนี้ออกไปอีก เพื่อกระตุ้นภาพรวมตลาดอินเดียเที่ยวไทยให้เติบโตดีต่อเนื่อง นอกจากนี้โรงแรมฯยังได้ลูกค้าจากตลาดเติบโตดีอื่นๆ ทั้งญี่ปุ่นซึ่งมีสัดส่วน15-20%, สหรัฐ15%ส่วนที่เหลือมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมไทย
“ส่งผลให้โรงแรมฯสามารถปรับขึ้นราคาห้องพักช่วงไฮซีซั่นได้ราว10%เมื่อเทียบกับโลว์ซีซั่นที่ผ่านมา เฉลี่ยราคาห้องพักแบบสแตนดาร์ดอยู่ที่2,500บาทต่อคืน ถือว่าใกล้เคียงกับไฮซีซั่นปีที่แล้ว เพราะยังต้องคงราคานี้ไว้เพื่อดึงลูกค้าไม่ให้เปลี่ยนไปเที่ยวจุดหมายอื่น หลังท่องเที่ยวไทยมีปัจจัยเรื่องบาทแข็ง โดยคาดว่าเดือน พ.ย.นี้ จะมีอัตราเข้าพัก78%เพิ่มขึ้นจาก75%ของปีที่แล้ว ส่วนเดือน ธ.ค.มี82%เพิ่มขึ้นจาก80%”
ฟาก เพ็ญศรี ริยาพันธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ อัปสรา บีชฟรอนท์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า ขนาด255ห้องพัก ตั้งอยู่ใน อ.เขาหลัก จ.พังงา เล่าว่า อัปสราฯจำเป็นต้องลดราคาห้องพักในช่วงไฮซีซันนี้ลงประมาณ10%เมื่อเทียบกับราคาปกติ เพื่อให้อัตราเข้าพักอยู่ที่80%ตามคาดการณ์ เนื่องจากลูกค้าของอัปสราฯส่วนใหญ่95%เป็นนักท่องเที่ยวยุโรปกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT)ซึ่งได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์เศรษฐกิจยุโรป เช่น การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) รวมถึงภาวะเงินบาทแข็งค่าที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาไทย