เปิดวัน 'ซักฟอก' รัฐบาล 18-20ธ.ค.
"ฝ่ายค้าน" มีมติเอกฉันท์ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมกาปฏิทินวาง 18-20 ธ.ค. นี้ ซักฟอกรัฐบาล มั่นใจหลักฐานที่มีทั้งหมด จะทำรัฐบาล "หัวคะมำ"
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการวิปฝ่ายค้าน แถลงถึงความคืบหน้า ประเด็นเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า หลังจากที่ประชุม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูล และดูความพร้อมเอกสารหลักฐาน รวมถึงตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด จึงได้หารือ ถึงความพร้อมทางด้านข้อมูลร่วมกัน โดยมีมติเอกฉันท์ในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยในส่วนข้อมูลหลักๆที่ได้มาจากกรรมาธิการทั้ง 35 คณะ นั้นยังคงต้องรอข้อมูลที่ครบถ้วน และหนักแน่น เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจว่าจะอภิปรายรายบุคคลหรือคณะ
ด้านประธานวิปฝ่ายค้าน นายสุทิน คลังแสง กล่าวว่า 7 พรรคฝ่ายค้าน มีความเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์ โดยการอภิปรายครั้งนี้ จะไม่เน้นไปที่เรื่องหารทุจริต อย่างเดียว แต่จะมีเรื่องความสามารถ และความเหมาะสมในตัวบุคคลด้วย นอกจากนี้ยังมีหลายเรื่องที่มีฐานความผิดเดิม ที่ส่งผลต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน พรรคฝ่ายค้านจึงจำเป็นต้องอภิปราย แต่จะเป็นการอภิปรายรายบุคคลหรือคณะนั้น ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ โดยต้องเร่งทำข้อมูลให้เสร็จภายในสิ้นเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งคาดว่าจะยื่นซักฟอกภายในวันที่ 6 ธ.ค. เพื่อให้ประธานพิจารณาบรรจุ เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม โดยคาดว่าเวลาที่เหมาะสมที่จะได้อภิปรายคือวันที่ 18-19-20 ธ.ค. นี้
ซึ่งเป้าส่วนใหญ่ในการอภิปรายนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ แต่จะเป็นแบบรวมๆกันไปทั้ง ครม. เก่า และ ครม. ใหม่ ซึ่งจะมีรัฐมนตรีบางคน ที่ไม่ได้มีการเปิดชื่อไปก่อนหน้านี้รวมอยู่ด้วย จะมีเซอร์ไพรส์รัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะบางเรื่องจะเหนือความคาดหมาย
ส่วนความแตกต่างระหว่างการอภิปรายรายบุคคลและรายคณะนั้น นายสุทิน มองว่า เป็นเรื่อง แตกต่างกันต่างกันที่ประเด็นความผิด เพราะบางความผิดเชื่อมโยงกันหลายคน หลายกระทรวง รวมถึงโยงไปถึงหัวหน้ารัฐบาล ส่วนบางกรณีที่เป็นการทำความผิดเฉพาะตัวก็จะแยกออกจากรัฐบาลได้
นายสุทิน ย้ำต่อว่า พรรคฝ่ายค้าน ไม่มีเจตนาล้มรัฐบาล แต่หากจำเป็น หรือรัฐบาลจำนนต่อหลักฐาน ว่ามีความผิดชัดเจน ก็อาจจะล้มโดยตัวของรัฐบาลเอง และเชื่อว่าหลักฐานที่ฝ่ายค้านมีจะโน้มน้าว ให้ฝ่ายที่มีใจเป็นธรรมในฝั่งรัฐบาล ยกมือให้กับฝ่ายค้านได้ไม่น้อย พร้อมพูดถึงในอดีตที่ผ่านมา ว่ายังไม่มีรัฐบาลใดล้มในสภา แต่เชื่อว่า "อาจเป็นการเปิดแผลในสภาและติดเชื้อไปเน่าข้างนอก" ซึ่งมือที่อันตรายที่สุดในปัจจุบัน คือ "โซเชียล" ที่อาจจะเป็นม็อปที่ใหญ่ที่สุด แม้รัฐบาลจะชนะด้วยเสียงในสภา แต่อาจจะแพ้ด้วยเสียงประชาชนและเสียงในโซเชียล จึงมั่นใจว่ารัฐบาลจะหมดความชอบธรรม ในการบริหารประเทศ พร้อมกันนี้ นายสุทิน ยังมั่นใจว่า ทุกพรรคมีความมั่นใจในข้อมูล และเชื่อว่า จะทำให้รัฐบาลล้มหัวขะมำ ได้อย่างแน่นอน
ด้านรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว กล่าวถึงสัดส่วนการจัดกรรมาธิการวิสามัญ ไปศึกษาวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า เท่าที่ทราบฝ่ายรัฐบาลเสนอมาที่ 49 คน แบ่งเป็นสมาชิก ส.ส. 37 คน คณะรัฐมนตรีอยู่ที่ 12 คน พรรคฝ่ายค้าน 19 คน และฝ่ายรัฐบาลได้ 18 คน ซึ่งทางฝั่งรัฐบาลเสนอเข้ามาแต่ทางฝ่ายค้านยังไม่ได้ตกลง
ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ระบุว่าการจัดสรรส่วนอาจเพิ่มขึ้นเป็น 50 คน ว่า เห็นว่า 49 คนก็เหมาะสมแล้ว ส่วนใครจะนั่งเป็นประธาน กมธ. ชุดดังกล่าว จะอยู่ที่ฝั่งรัฐบาลเป็นคนเลือกเพราะมีจำนวนมากกว่าพร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวถึง กรณีที่พรรคพลังประชารัฐไม่เห็นด้วยกับการให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานใน กมธ. ชุดดังกล่าว ว่า เรื่องนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของสมาชิกพรรค ซึ่งการเลือกประธานกมธ. เป็นหน้าที่ของสมาชิกในที่ประชุม