ภาคเกษตรโดนด้วย ‘หั่นจีดีพีเกษตร’ โตแค่0.5-1.5%
“สศก.” เคาะจีดีพีเกษตรทั้งปี โตแค่0.5 – 1.5 % ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ตั้งไว้ 2.0-2.3% ปัจจัยฝนทิ้งช่วง ข้าวนาปีได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ขณะไตรมาส 3 ขยายตัว1.1% ชี้ข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แนวโน้มราคาขึ้นเนื่องจากผลผลิตน้อยสวนทางความต้องการสูง
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตร(จีดีพี)ภาคการเกษตรในไตรมาส3ปี2562(ก.ค–ก.ย.2562)พบว่า ขยายตัว1.1%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2561 เนื่องจากผลผลิตพืชเศรษฐกิจสำคัญมีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน มังคุด เงาะ และมันสำปะหลัง สำหรับสาขาบริการทางการเกษตรและสาขาป่าไม้ยังขยายตัวได้ ขณะที่สาขาปศุสัตว์และสาขาประมงหดตัวลง
ทั้งนี้ สศก.ได้คาดการณ์แนวโน้มจีดีพีเกษตร ตลอดทั้งปี2562จะขยายตัวอยู่ในช่วง0.5 – 1.5 %เมื่อเทียบกับปี2561ลดลงจากการประเมินในช่วงต้นปีว่าจะขยายได้ถึง3.0-3.5 %เมื่อเทียบกับปี2561จากนั้นในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาภาคการเกษตรได้รับผลกระทบจากพายุโพดุลและพายุคาจิกิ ประกอบกับสถานการณ์ภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง สศก.จึงได้ปรับประมาณการลงมาโดยขยายตัวที่ 2.0-2.3%จากปี 2561 ที่ขยายตัวได้ 4.6%
อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 จากสาขาพืช สาขาประมง สาขาบริการทางการเกษตร และสาขาป่าไม้ ยังมีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากผลผลิตพืชสำคัญหลายชนิดและกุ้งทะเลเพาะเลี้ยงมีทิศทางเพิ่มขึ้น ส่วนสาขาปศุสัตว์มีแนวโน้มชะลอตัวจากผลผลิตสุกรที่ลดลง โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการดำเนินนโยบายด้านการเกษตรอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การวางแผนการผลิตอย่างเหมาะสม
การส่งเสริมการรวมกลุ่มการใช้เทคโนโลยีในการผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร การบริหารการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงการส่งเสริมการใช้สินค้าเกษตรในประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความแปรปรวนของสภาพอากาศทั้งภาวะแห้งแล้งและการเกิดพายุฝนที่อาจส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตรได้
นายพลเชษฐ์ ตราโช ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สศก. กล่าวว่า เศรษฐกิจภาคเกษตร ในไตรมาส3ปี2562ที่ขยายตัวได้ 1.1%มาจาก สาขาพืชขยายตัว1.6% ปศุสัตว์ หดตัว0.5%ประมง หดตัว0.3%บริการทางการเกษตร2.5%และป่าไม้1.8%
โดยสาขาพืชที่ขยายตัว1.6%มาจากพืชสำคัญที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยางพารา เนื่องจากเนื้อที่กรีดได้เพิ่มขึ้นจากพื้นที่ปลูกใหม่ในปี2556 ปาล์มน้ำมัน มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้น และมันสำปะหลัง มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาในปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดี
สำหรับพืชที่มีผลผลิตลดลง ได้แก่ ข้าวนาปี เนื่องจากฝนที่มาล่าช้าในช่วงต้นฤดูการเพาะปลูก ทำให้บางพื้นที่ขาดน้ำในการเพาะปลูกนอกจากนี้ ภาวะฝนทิ้งช่วงและผลกระทบจากพายุโพดุล ทำให้ต้นข้าวได้รับความเสียหาย ข้าวนาปรังมีผลผลิตลดลง เนื่องจากภาวะภัยแล้ง และปริมาณน้ำที่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เมล็ดข้าวไม่สมบูรณ์และผลผลิตต่อไร่ลดลง
ส่วนทางด้านราคาสินค้าพืชที่เพิ่มขึ้นได้แก่ราคาข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง แต่ยังมีความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนพืชที่ราคาลดลง ได้แก่ มันสำปะหลัง เนื่องจากมีผลผลิตออกสู่ตลาดปริมาณมาก และปัญหาน้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกษตรกรเร่งขุดมันสำปะหลังขายก่อนกำหนด นอกจากนี้ ราคายางพาราลดลงเนื่องจากผลผลิตมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากพื้นที่เปิดกรีดยางใหม่
ราคาปาล์มน้ำมันลดลง เนื่องจากมีผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องและสต็อกน้ำมันปาล์มยังคงมีปริมาณที่สูงกว่าสต็อกเพื่อความมั่นคงที่ประเมินไว้ ส่วนราคามังคุดและเงาะลดลง เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ด้านสาขาปศุสัตว์ สุกรมีแนวโน้มราคาลดลง เพราะเกษตรกรรายย่อยลดการเลี้ยงจากภาวะต้นทุนที่สูงขึ้น และผลกระทบโรคอหิวาต์แอฟริกา