ภาพลักษณ์รัฐบาลอังกฤษแย่หลัง“มูดี้ส์”หั่นแนวโน้มเครดิต
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับชั้นนำของโลก ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษจาก“มีเสถียรภาพ ”เป็น“เชิงลบ”โดยระบุถึงความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในการกำหนดนโยบายต่างๆ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเบร็กซิท
มูดี้ส์ ระบุว่า การปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่กระบวนการกำหนดนโยบายในปัจจุบันของอังกฤษประสบกับภาวะชะงักงัน อันเป็นผลมาจากการดำเนินการเกี่ยวกับเบร็กซิท แต่มูดี้ส์ ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษไว้ที่ระดับ Aa2
ด้านฟิทช์ เรตติ้ง ก็ประกาศจับตาแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษไว้ในเชิงลบเช่นเดียวกันเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
ขณะที่ผลสำรวจของพาเนลเบส( Panelbase) ระบุว่า กระแสความนิยมต่อพรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยังคงทรงตัวที่ระดับ 40% ขณะที่พรรคแรงงานได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับ 30% ก่อนที่การเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษจะมีขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค.
การสำรวจครั้งนี้ จัดทำขึ้นในวันที่ 6-8 พ.ย. โดยมีกลุ่มตัวอย่าง 1,046 ราย ซึ่งการรณรงค์หาเสียงสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากที่นายจอห์นสันได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพื่อขอพระบรมราชานุญาตยุบสภา
ในช่วงที่ปิดรัฐสภา นักการเมืองจะพากันหาเสียงเพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงจากชาวอังกฤษที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจำนวน 46 ล้านคน และการเลือกตั้งในเดือนธ.ค.จะเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 3 ของอังกฤษในรอบ 5 ปี หลังจากที่เคยมีการเลือกตั้งในปี 2558 และปี 2560
ขณะนี้ พรรคการเมืองต่างๆในอังกฤษเริ่มรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก เริ่มจากนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ชูประเด็นผลักดันเบร็กซิททันที หากเป็นฝ่ายคว้าชัยในการเลือกตั้ง
นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน เริ่มต้นการหาเสียงที่เมืองเบอร์มิงแฮม โดยระบุว่า การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ มีความสำคัญมากที่สุด เพราะจะเป็นการปลดล็อกวิกฤตเบร็กซิท ที่ทำให้อังกฤตต้องตกอยู่ในภาวะชะงักงันมานานกว่า 3 ปี และเริ่มบ่อนทำลายความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของอังกฤษที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก
นอกจากนี้ จอห์นสัน ยังประกาศด้วยว่า ถ้าเขาชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง เขาจะผลักดันข้อตกลงเบร็กซิทให้ผ่านสภาในทันที เพื่อให้ทันกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 ม.ค.ปีหน้า พร้อมทั้งกล่าวโจมตี “เจเรมี คอร์บิน” ผู้นำพรรคแรงงาน ด้วยการเปรียบเทียบว่าคอร์บินว่าเป็น“โจเซฟ สตาลิน” อดีตผู้นำเผด็จการโซเวียต
ในส่วนของภาคธุรกิจและนักลงทุนในอังกฤษ เชื่อว่าจอห์สันจะสามารถยุติความไม่แน่นอนของกรณีเบร็กซิทได้ ตามที่เขาได้ประกาศอย่างชัดเจนหลังขึ้นดำรงตำแหน่ง แม้ยังคงต้องเดินหน้าดิ้นรนอย่างต่อเนื่องเพื่อเอาตัวรอดในสถานการณ์ของความไม่แน่นอนทางการเมือง
ความกังวลของนักธุรกิจและบรรดานักลงทุนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นหลังจากมีการเลื่อนกำหนดเบร็กซิทออกไปอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 โดยนายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานรัฐสภายุโรป กล่าวว่า การเลื่อนเบร็กซิทครั้งนี้เป็นการเลื่อนกำหนดการแบบยืดหยุ่น ซึ่งหมายความว่า อังกฤษสามารถออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเมื่อไหร่ก็ได้จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2563
ทุกวันนี้ ภาคธุรกิจในสหราชอาณาจักรยอมทำทุกอย่างเพื่อให้กระบวนการเบร็กซิทจบลงโดยเร็วที่สุด แม้ว่าพวกเขาอาจจะต้องออกจากสหภาพยุโรปด้วยข้อตกลงที่อาจจะไม่เอื้อต่ออังกฤษ หรืออาจสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศบ้าง เช่นข้อตกลงที่อาจสร้างกำแพงทางการค้าที่มากขึ้นระหว่างอังกฤษและประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ทั่วโลก เพราะอย่างน้อยที่สุดสิ่งที่พวกเขาจะได้รับในทันทีก็คือความชัดเจนที่จะนำไปสู่การผลักดันให้เกิดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่จะเริ่มใช้จ่ายอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังยุติกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ไปชั่วคราวจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานภาพอังกฤษและอียู