สนง.ศาล กำชับเข้มมาตรการปลอดภัย หลังเหตุหนีศาลพัทยา
"ปธ.วางระบบความปลอดภัยศาล" เผยยึดระเบียบบริหารศาลด้าน รปภ.เคร่งครัด สร้างความเชื่อมั่น ปชช. ขณะที่กำไลข้อเท้า EM พร้อมผู้ต้องหา/จำเลยใช้ประกัน-สั่งจำกัด พท.ได้คุ้มครองเหยื่ออาชญากรรมด้วย
นายปุณณพัฒน์ มหาลี้ตระกูล ประธานคณะกรรมการวางระบบรักษาความปลอดภัย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ศาลจังหวัดพัทยา ( 3 ผู้ต้องขัง หลบหนีจากห้องควบคุมตัว) สำนักงานศาลยุติธรรมได้กำชับให้แต่ละศาลเพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณศาลให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้มาติดต่อราชการ โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2550 อย่างเคร่งครัด และเน้นให้ยกระดับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาและจำเลยโดยคำนึงถึงเหยื่ออาชญากรรม และความสงบสุขของสังคมตามนโยบายประธานศาลฎีกา
โดย "ศูนย์ควบคุมติดตามการปล่อยชั่วคราวโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฯ" พร้อมปฏิบัติตามนโยบายประธานศาลฎีกาในการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานการประกันตัว ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรม ได้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลมาใช้ในการปล่อยชั่วคราว (Electronic monitoring) หรือกำไลข้อเท้า EM เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนที่ไม่มีหลักทรัพย์ในการประกันตัว โดย นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้เน้นย้ำว่าศาลทั่วประเทศจะมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสื่อสารให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล และขั้นตอนเกี่ยวกับการประกันตัวได้ง่ายและสะดวก ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาศาลเพื่อสอบถาม โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับอัตราหลักทรัพย์ประกันตัว เพื่อให้ประชาชนสามารถเตรียมความพร้อมในการขอประกันตัว หรือหากตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่ามีหลักทรัพย์ไม่เพียงพอก็สามารถเลือกขอติดกำไล EM ดังกล่าวแทนได้ โดยผู้ต้องหาหรือจำเลยที่มีฐานะยากจน มีหลักทรัพย์ประกันตัวไม่เพียงพอ ไม่ต้องมีความวิตกกังวลอีกต่อไป
นอกจากนี้การที่ศาลสั่งใช้กำไล EM สามารถกำหนดเงื่อนไขห้ามเข้า-ออกเขตพื้นที่ หรือช่วงเวลาที่กำหนดตามคำสั่งศาลได้ เพื่อคุ้มครองและบรรเทาความเดือดร้อนของเหยื่ออาชญากรรม ผู้เสียหาย ตลอดจนกลุ่มผู้เปราะบางในสังคม เพื่อความสงบสุขของสังคม สอดคล้องตามนโยบายประธานศาลฎีกา โดยสำนักงานศาลยุติธรรมตระหนักถึงการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานการประกันตัวของประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพอย่างเท่าเทียมกัน