โลกจะเป็นอย่างไร ถ้าอเมริกาเป็น 'America First'
เมื่อนโยบาย America First ของประธานธิดีสหรัฐ มาในยุคที่โลกมีหลายขั้วอำนาจ แล้วประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะต้องเตรียมรับมืออย่างไร
โลกที่มีขั้วอำนาจเดี่ยว ที่มีสหรัฐฯ โดดเด่นบงการระเบียบโลกอยู่รายเดียวนั้นหมดไปได้ราวสิบปีแล้ว
แม้จะมีผู้ไม่ยอมรับอยู่มากและดิ้นรนจะรักษาสถานะนี้ต่อไป โดยอยากดำเนินยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ เพื่อรักษาพันธมิตรหรือสมุนเอาไว้ใต้ปีกต่อไป แต่อย่างน้อยมีอยู่คนหนึ่งซึ่งไม่คิดเช่นนั้น และประกาศมา 3 ปี ตั้งแต่ก่อนหน้าที่เขาจะชนะใจอเมริกันชนขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยซ้ำว่า อเมริกาต้องเป็นที่หนึ่ง แรกๆ โลกอาจจะยังกังขาหรือเห็นว่าเป็นแค่นโยบายเล่นการเมืองในประเทศ แต่ในปีนี้ที่ทุกอย่างชัดเจนขึ้น ก็ถึงเวลาที่หลายฝ่ายในโลกต้องเตรียมรับมือปรากฏการณ์นี้กันบ้างแล้ว
หากพูดถึงคำว่า อเมริกา จะเริ่มเห็นแก่ตนเองก่อนในตอนนี้ ก็คงมีคนประท้วงมากมาย เพราะคนจำนวนมากในโลกนี้เชื่อว่าอเมริกาคือซาตาน ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอยู่ เป็นมานานแล้วไม่ใช่พึ่งเป็น ไม่ว่าจะเป็นการหาเรื่องให้เกิดความวุ่นวายในตะวันออกกลางเพื่อเอาน้ำมัน ส่งซีไอเอไปยุแยงประเทศในโลกที่สามให้ก่อปฏิวัติเพื่อต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ หรืออยู่เบื้องหลังความไม่ดีในโลกนี้ทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ
ทั้งนี้มีหลักฐานสนับสนุนเป็นข้อเท็จจริงบ้าง ทฤษฎีสมคบคิดบ้าง หรือจินตนาการอคติบ้าง แค่ถ้าคิดให้ลึกซึ้ง จะพบว่านับตั้งแต่สหรัฐฯ เลิกลัทธิ Monroe เมื่อ 100 ปีก่อน สหรัฐฯ ทำในสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อตนเองเยอะมาก และการสละชีวิต ทรัพย์สินและพลังของชาวอเมริกันนั้นทำให้โลกนี้ดีขึ้นกว่าอดีตเป็นอย่างมาก
สหรัฐฯ มีชัยภูมิที่อยู่ห่างจากประเทศอื่น มีแผ่นน้ำกว้างใหญ่ขวางกั้นทั้ง 2 ด้าน ลำพังถ้าห่วงใยปัญหาระหว่างประเทศก็แค่ชายแดนด้านใต้ของตนเองก็เหลือแหล่ แต่ถ้าสหรัฐฯ ไม่ริเริ่มนำหน้าส่งทหารเข้าไปตายในคาบสมุทรเกาหลี อินโดจีน อิรักหรืออัฟกานิสถาน ด้วยยึดถือมนุษยธรรมในหัวใจ จะมีมนุษย์อีกมากมายต้องสูญเสียชีวิต ทรัพย์สินและวิญญาณให้กับผู้เผด็จการที่โฉดชั่วโหดร้ายแต่อ้างว่ารักชาติ ถ้าสหรัฐฯ ไม่มาลงทุนหรือให้เปล่าทางวิชาการ เศรษฐกิจและสังคม ประเทศจำนวนมากก็ล้าหลังอดอยากยากจนไม่มีวันโงหัวต่กการถูกเอารัดเอาเปรียบของชนนั้นนำที่มีเชื้อสายเดียวกับตนเองไปได้ ข้อเท็จจริงนี้ไม่อาจถูกบิดเบือนหรือปกปิด
แต่การดำเนินนโยบายเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายมหาศาล และเป็นเหมือนแอกไถกดทับให้ประเทศยักษ์ใหญ่ต้องซวดเซลง เกิดปัญหาหนักภายในประเทศ อีกทั้งมิตรประเทศก็ไม่เกรงใจเหมือนเก่า เพราะต่างก็พัฒนาตนเองขึ้นมาได้กันแล้วในระดับหนึ่ง หรือถ้าจะต้องพึ่งพิงยังมีตัวเลือกอื่นที่แข็งแกร่งอย่างจีนขึ้นมาให้ขบคิด
ประธานาธิบดี Donald Trump จึงประกาศนโยบายว่าเลิกแบกรับภาระระหว่างประเทศแต่เพียงผู้เดียวแล้วเว้ย ถ้าพันธมิตรไม่ช่วยแบกด้วยอย่างจริงจังก็จ่ายเงินมา เช่น สร้างกำแพงกั้นผู้อพยพเม็กซิกัน หรือจ่ายค่าคงกำลังทหารอเมริกันไว้ในเอเชียตะวันออกไกล มิฉะนั้นสหรัฐฯ ก็จะไม่เอาด้วยแล้ว การถอนทหารออกจากซีเรียเป็นตัวอย่างที่น่าช็อคล่าสุดของการไม่ยอมตายเปล่าอีกต่อไป
นโยบายต่างประเทศของทรัมป์เปลี่ยนแนวทางปฏิบัติของสหรัฐฯ ไปมาก แม้ว่านโยบายต่างประเทศกระแสหลักจะยังให้ความใส่ใจกับพันธมิตรและกับการแข่งขันช่วงชิงความเป็นใหญ่กับจีนและรัสเซียอยู่ แต่ทรัมป์ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์เนื้อหนังมากกว่าอุดมการณ์ นี่ล่ะครับทุนนิยมแท้ที่คิดถึงรายได้มากกว่าศักดิ์ศรี จึงเห็นการกระทำที่ออกมาในรูปแบบของการข่มขู่ขอเงินค่าความมั่นคงจากชาติพันธมิตรหน้าตาเฉย
ทำสงครามการค้าแบบยึกยักเลื่อนเส้นตายภาษีไปเรื่อย ผ่อนปรนตามจีนให้ผลประโยชน์ กับภัยคุกคามที่เคยเป็นศัตรูหลักอย่างรัสเซียและเกาหลีเหนือนั้นดูเหมือนว่าทรัมป์ไม่อยากทำอะไร ถ้าจะเจรจาเพื่อหาผลประโยชน์ได้ก็ทำ สหรัฐฯ พร้อมถอนตัวจากเรื่องที่ตนเองเสียประโยชน์ได้ทั้งหมด และแสดงอาการไม่แคร์ใครออกมาให้เห็นกรณีส่งผู้แทนเข้าร่วมงานใหญ่ในญี่ปุ่นและไทย
ถ้าสหรัฐฯ ยังยึดแนวทางเช่นนี้ต่อไป หรือทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัย ผลกระทบที่น่าจะเกิดขึ้นแรงจะมีหลายหลาก การเมืองระหว่างประเทศนั้นเป็นอนาธิปไตย หากไม่มีใครสักคนกล้าเอามือไปซุกหีบหลายประเทศจะเดือดร้อน ประเทศที่ผู้ปกครองยึดถืออำนาจนิยมในหลายทวีปอาจย่ามใจกดขี่คนในประเทศของตนเองได้มากขึ้น โดยไม่เกรงกลัวต่อมาตรการข่มขู่ทางทหารหรือคว่ำบาตรการค้า
ประเทศใหญ่ที่ไร้ธรรมาภิบาลอาจเบียดเบียนประเทศเล็กพรมแดนติดกันโดยไม่แคร์สายตาชาวโลก เพราะทราบดีว่าหลักคุณค่ายึดถือที่ต้องปกป้องสิทธิมนุษยชนนั้นจะไม่เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติอีกต่อไป ทุกชาติตัวใครตัวมันอย่างนี้ช้อปปิ้งอาวุธกันกระจาย อาจเกิดเหตุต่อตีกันเองชายแดนประเทศเพื่อนบ้านหรือบีฑาคนต่างความคิดในประเทศ
ไม่มีชาติยักษ์ใหญ่ใดที่จะแบกรับภาระโลกไปได้ตลอดกาล ทุกคนทุกฝ่ายทุกชาติต้องหาทางยืนอยู่บนลำแข้งของตนเองที่เหมาะควรได้ดุลที่สุด ทั้งผลประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม ต่อประชาชนในสังคม ตลอดจนศักดิ์ศรีของชาติ ในภาวะเปลี่ยนผ่านของมหาอำนาจนี้ต้องวางแผนล่างหน้าแต่เนิ่น