6 ประเทศลุ่มน้ำโขงจ่อดีเดย์ปราบยาเสพติด
6 ประเทศลุ่มน้ำโขงยกร่างปฏิญญากรุงเทพฯ จับมือปราบยาเสพติดดีเดย์พร้อมกัน ย้ำยาเสพติดเป็นปัญหาของโลก
เมื่อวันที่ 16 พ.ย.62 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการประชุมระดับรัฐมนตรี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า การประชุมครั้งนี้ได้ยกร่างปฏิญาณกรุงเทพฯ และแผนปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติดในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง พร้อมประกาศ คิกออฟแคมเปนการปราบปราบปรามยาเสพติด เรียกว่า "แผนปฏิบัติการ 1511" ซึ่งแนวทางการทำงานนั้น คือ การปราบปรามยาเสพติดพร้อมกัน 6 ประเทศ คือ จีน ไทย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ซึ่งจะดีเดย์พร้อมกันหลังผู้บริหารระดับสูงตกลงกำหนดร่วมกันในเร็วๆนี้ โดยแผนงานเบื้องต้น คือการยกระดับการป้องกันสารตั้งต้นเข้าพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยมีสาร 24 ชนิด ที่สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) กำหนด รวมทั้งสารอีก 12 ชนิดที่ประเทศไทยประกาศเพิ่ม โดยสารเคมีในแต่ละตัวเมื่อนำมารวมกันแล้วจะกลายเป็นเคมีภัณฑ์ที่เป็นอันตราย จึงต้องดำเนินการให้เด็ดขาด
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การป้องกันและปราบปราม แต่รวมถึงการบำบัดดูแล แลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละประเทศด้วย แผนปฏิบัติการนั้นจะใช้เวลา 2 ปี (2562-2564) ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1 ปัญหายาเสพติดที่ทำลายสุขภาพ 2 การปราบปรามและป้องกัน 3 กฎหมายของแต่ละประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ ต้องบูรณาการร่วมกันให้คล่องตัว และ 4 การพัฒนาอาชีพทดแทน ซึ่งในส่วนนี้ประเทศไทยได้รับการชื่นชมในผลงานที่น่ายกย่องจากการประชุม เพราะในส่วนนี้เป็นพระราชกรณียกิจ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงงานต่อเนื่องจนถึง พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น สิ่งที่ดีตรงนี้ได้รับการเชิดชูและยกย่องจากกลุ่มประเทศที่ร่วมมือกัน
"วันนี้เรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในกลุ่มอาเซียนมากขึ้น เพราะเราจริงจังมาตลอด มียูเอ็นโอดีซี เป็นหน่วยงานหลัก และมีการสนธิกำลังในเขตชายแดน ไม่ว่าจะเป็น เมียนมาร์และสปป.ลาว ที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งส่งข้อมูลไปยังประเทศปลายทาง ทำให้มีการจับกลุ่มยาเสพติดได้มากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่ายาเสพติดผลิตกันง่ายมากขึ้น เพราะใช้สารตั้งต้น ไม่ต้องใช้พืชเสพติด ทำให้ในปีที่ผ่านมายอดมูลค่าของยาเสพติดนั้นสูงถึง 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หากทุกประเทศทั่วโลกไม่ร่วมมือกันอย่างจริงจัง ยาเสพติดจะกระจายไปทั่ว”รมว.ยุติธรรมกล่าว