ฎีกายืน! ประหารสถานเดียว 'อาเธอร์' หนุ่มสเปน ฆ่าหั่นศพฉกเงินเศรษฐี
ศาลฎีกา ยืนตามศาลอุทธรณ์ แม้ไม่มีประจักษ์พยาน มีพยานแวดล้อมเชื่อมโยง เจ้าตัวถึงกับตัวแดงเมื่อรู้ผล ทนาย ระบุ รอกระบวนการขออภัยโทษ เล็งใช้ทางแลกเปลี่ยนนักโทษกลับรับโทษสเปนด้วย
เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 62 ที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหั่นศพเศรษฐีชาวสเปน คดีหมายเลขดำ อ.13722559 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอาเธอร์ เซการา พรินเซพ หรืออาร์ตู (Mr.Segarra Princep Artur) อายุ 40 ปี สัญชาติสเปน เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หน่วยเหนี่ยวกักขังฯ ลักทรัพย์ และข้อหาอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 199, 310 โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 59
บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.59 เวลา 08.20 น. ได้พบชิ้นส่วนแขนขวามนุษย์ ลอยมาในแม่น้ำเจ้าพระยา ติดบริเวณอู่ต่อเรือเอกชนแห่งหนึ่งใกล้วัดคฤหบดี แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. และยังพบชิ้นส่วนมนุษย์อีกหลายชิ้นลอยมาในแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตรับผิดชอบ สภ.เมืองนนทบุรี สภ.ปากเกร็ด และ สภ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี จากการสืบสวนสอบสวน พบว่า ชิ้นส่วนมนุษย์เป็นของ นายเดวิด เบอเนต โมราด ชาวสเปน โดยจำเลยพาผู้ตายเข้าไปในห้องพักพีจี คอนโด พระราม 9 อสมท. เขตห้วยขวาง กทม. จากนั้นได้ฆ่าผู้ตายก่อนหั่นศพ และนำชิ้นส่วนทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยาตามจุดต่างๆ ที่พบแล้วหลบหนีไป กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบและจับกุมได้ขณะหลบหนีมาอยู่ที่ตลาดการค้าชายแดนบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขณะที่ศาลอาญาซึ่งเป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 60 และศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 61 โดยทั้งสองศาลพิพากษายืนให้ประหารชีวิตสถานเดียว และให้ชดใช้เงินคืนแก่ญาติผู้ตาย 734,940 บาท กับให้ริบรถจักรยานยนต์ เครื่องเจียร ใบเลื่อย และตู้แช่แข็งด้วย เนื่องจากเห็นว่าแม้โจทก์ ไม่มีประจักษ์พยาน แต่โจทก์มีพยานแวดล้อม เช่น แม่บ้านทำความสะอาด กล้องทีวีวงจรปิด เพื่อนหญิงของจำเลย ประกอบกับพยานวัตถุ รวมทั้งคราบเลือด เหงื่อ ที่อุปกรณ์เจียรหินไฟฟ้า และตู้แช่ ตรงกับดีเอ็นเอ (DNA) ของผู้ตาย รวมทั้งตรงกับ DNA ของจำเลยด้วย พฤติการณ์จึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโดยคิดทบทวนวางแผน กับซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปกปิดเหตุแห่งการตาย
โดยวันนี้ศาลเบิกตัว นายอาเธอร์ จำเลย มาจากเรือนจำบางขวาง หลังจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนประหารชีวิตสถานเดียว เพื่อมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ ซึ่งปัจจุบันนายอาเธอร์ ถูกคุมขังมานานกว่า 3 ปี นับตั้งแต่ถูกจับกุมและฝากขังครั้งแรก เมื่อเดือน ก.พ. 59 ซึ่ง นายอาเธอร์ รูปร่างยังดูแข็งแรงปกติ ไม่ซูบผอม ขณะที่วันนี้ศาลจัดล่ามสาวภาษาสเปนเพื่อแปลกระบวนพิจารณาและคำพิพากษาให้จำเลยฟังด้วย โดยสื่อมวลชนจากประเทศสเปน ติดตามมาทำข่าวอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดีก่อนฟังคำพิพากษา นายอาเธอร์ ยังคงมีสีหน้าสดใส พูดจาทักทายกับนักข่าวสเปน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่คำพิพากษาศาลฎีกา เห็นว่า แม้โจทก์ ไม่มีประจักษ์พยาน แต่โจทก์มีพยานแวดล้อมเชื่อมโยงกันฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา โดยมีล่ามแปลภาษาสเปนให้ฟัง นายอาเธอร์ จำเลย ถึงกับตัวแดงขึ้นมาทันที และพูดคุยกับล่าม กระทั่งผู้พิพากษาได้ชี้แจงผ่านล่ามว่า กระบวนการตามกฎหมายไทยหากคดีถึงที่สุดแล้วจำเลยสามารถยื่นขออภัยโทษได้
ภายหลังทนายความของนายอาเธอร์ กล่าวว่า จำเลยทำใจได้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตแล้วว่า ข้อต่อสู้คดีนี้ค่อนข้างยาก เพราะโจทก์เองก็มีพยานหลักฐาน และหลังจากนี้ระหว่างที่รับโทษในเรือนจำก็อยากให้ตนดำเนินการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษตามระเบียบของเรือนจำ อย่างไรก็ตามเมื่อคดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว จำเลยก็มีสิทธิจะยื่นเรื่องขอแลกเปลี่ยนนักโทษ เพื่อจะกลับไปรับโทษที่ประเทศสเปนต่อไป