ป.ป.ส.เตือนนำเข้าเยลลี่กัญชา ผิดกฎหมาย
"เลขาธิการ ป.ป.ส." เตือนนำเข้าเยลลี่กัญชา ผิดฐานนำเข้า-จำหน่ายยาเสพติดประเภท 5
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.62 นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) กล่าวถึงการลักลอบนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีส่วนผสมของกัญชาเข้ามาภายในประเทศว่า ขณะนี้ยังไม่พบการลักลอบนำเข้าเยลลี่ หรือ น้ำอัดลมผสมกัญชาเข้ามาเป็นล็อตใหญ่เพื่อจำหน่าย ส่วนใหญ่เป็นการซื้อแล้วนำติดตัวเข้ามาคนละ 1 ห่อ เพื่อโอ้อวดและแจกจ่ายให้เพื่อน แม้จะไม่ได้นำเข้ามาขายแต่ก็มีความผิดฐานนำยาเสพติดประเภท 5 เข้ามาในราชอาณาจักร และจำหน่าย จ่าย แจก ยาเสพติดประเภท 5 สำหรับกัญชาที่พบลักลอบเข้ามาจำหน่ายยังเป็นสารสกัด CBD ใช้หยดใต้ลิ้น และยางกัญชาชนิดแท่งและของเหลว ใช้ทาบุหรี่สูบ ซึ่งมีทั้งการนำเข้าจากประเทศปากีสถานอัฟกานิสถาน หรือคนไทยที่ออกไปเคี่ยวยางกัญชาในประเทศเพื่อนบ้านแล้วนำเข้ามาในไทย
นายนิยม กล่าวอีกว่า ป.ป.ส.ขอแนะนำผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาที่สกัดจากกัญชา ควรพบแพทย์ก่อนตัดสินใจใช้ยาเนื่องจากผู้ป่วยแต่ละรายมีความต้องการใช้ยาในปริมาณที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม หลังรัฐบาลผ่อนปรนให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ที่ผ่านกระบวนการผลิตอย่างปลอดภัย แม้ปริมาณลักลอบนำเข้ากัญชาไม่เพิ่มสูงขึ้น แต่มีผู้เสพกัญชาหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับกัญชาเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลที่จัดเก็บไว้ 2 ปี พบมีผู้ให้ข้อมูลว่าเคยใช้หรือเคยเสพกัญชา แต่ไม่ติดมากกว่า 200,000 คน ส่วนหนึ่งอาจได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อนว่ามีการเปิดเสรีกัญชา หรือเสพแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากนี้ ในการศึกษาร่วมกับรพ.รามาธิบดี พบผู้ป่วยจากการใช้กัญชาไม่ถูกวิธีเพิ่มขึ้น 100 ราย แม้จะไม่มีรายใดเสียชีวิตจากการใช้กัญชา แต่ก็ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับตัวผู้เสพ จึงขอหลีกเลี่ยงการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการทุกรูปแบบ
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวด้วยว่า สำหรับกัญชาที่ลักลอบนำเข้ามาใช้ในกลุ่มวัยรุ่น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเยลลี่หรือน้ำอัดลมผสมกัญชาจากประเทศที่อนุญาตให้เสพในปริมาณจำกัด ซึ่งจะมีฉลากกำกับที่หน้าบรรจุภัณฑ์ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากกัญชา แล้วลักลอบนำเข้าโดยซุกซ่อนมาในรูปแบบของขนม โดยป.ป.ส.ได้ประสานไปยังศุลกากรประจำท่าอากาศยาน เพื่อเฝ้าระวังรูปแบบของผลิตภัณฑ์กัญชาที่แฝงมาในรูปของขนมวิตามิน หรือครีมทาผิว แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถรื้อกระเป๋าเดินทางทุกใบเพื่อตรวจค้นได้ ต้องใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ทางการข่าวร่วมด้วย เช่น มีการเดินทางเข้าออกประเทศที่เป็นแหล่งผลิตบ่อยครั้ง หรือแวะเปลี่ยนเที่ยวบินในหลายประเทศเพื่อเบนความสนใจว่าไม่ได้ออกเดินทางมาจากประเทศเป้าหมาย
“จากกการเก็บข้อมูลของป.ป.ส.พบพฤติการณ์การใช้สารเสพติดของเยาวชนมากกว่า 1 ชนิด ขึ้นอยู่กับผู้เสพต้องการให้ออกฤทธิ์อย่างไร ระหว่างหลอนประสาท กระตุ้นประสาท หรือกดประสาท หากผู้เสพมีอาการซึมเศร้า ต้องการอยู่กับตัวเอง จะใช้กลุ่มยาแก้ปวดหรือเฮโรอีน ถ้าต้องการไปเที่ยวสนุกสนานจะใช้กลุ่มยาเอ็กซ์ตาซี ยาเค หรือไอซ์ หรือผู้เสพที่ต้องการเมาจนหลอนว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์แมน เหาะได้ จะใช้ยากลุ่มแอลเอสดี” เลขาธิการป.ป.ส.กล่าว
นายนิยม กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่ายาบ้ามีราคาตกต่ำ ขายกันเม็ดละ 10 บาทว่า ยาบ้ามีราคาถูกลงกว่าเมื่อ 5-10 ปีที่ผ่านมา แต่ยาบ้าไม่ได้มีราคาต่ำติดดิน เพราะถ้าทำกำไรไม่คุ้มความเสี่ยงก็คงไม่มีใครลักลอบนำเข้า วันนี้ราคาขายปลีกเฉลี่ยที่เม็ดละ 120 บาท ขายส่งเม็ดละ 80 บาท ส่วนราคาขาย 10 บาทเป็นการขายในราคาทุนไม่บวกกำไรให้กลุ่มเพื่อนสนิท ชี้ให้เห็นว่าราคายาเสพติดขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของคู่ค้า ปัจจุบันยังพบกลุ่มวัยรุ่นเริ่มมีพฤติกรรมปั๊มยาบ้าภายในที่พัก ทั้งที่ก่อนหน้านี้การผลิตทั้งหมดได้ย้ายฐานไปอยู่ตามตะเข็บชายแดน