เปิดตัวเลข 10 ผู้จัดการทีมค่าจ้างสูงสุดในโลก
การกลับมาคุมทีมฟุตบอลอีกครั้งของ “โชเซ มูรินโญ” ทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการทีมที่ได้ค่าจ้างสูงสุดอันดับ 2 ของโลก แซงหน้าทั้ง “ซีเนดีน ซีดาน” และ “เจอร์เกน คลอปป์” แต่กุนซือชาวโปรตุเกสยังคงเป็นรองคู่ปรับเก่าอย่าง “เป๊ป กวาร์ดิโอลา”
มูรินโญกลายเป็นผู้จัดการทีมค่าจ้างสูงที่สุดอันดับ 2 ในโลกฟุตบอล หลังเซ็นสัญญารับงานคุมสโมสร ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส ที่ให้ค่าจ้างถึง 15 ล้านปอนด์ต่อปี เมื่อกลางสัปดาห์นี้
ด้วยตัวเลขดังกล่าวทำให้อดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับค่าจ้างมากกว่า “เมาริซิโอ โปเชตติโน” กุนซือสเปอร์สคนก่อนเกือบ 2 เท่า
นอกจากนั้น นี่ยังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสเปอร์สที่แต่งตั้งผู้จัดการทีมผู้มีดีกรีความสำเร็จระดับมูรินโญ ด้วยจำนวนถ้วยแชมป์ 25 รายการตลอดเส้นทางอาชีพกุนซือ และดูเหมือนว่า “ไก่เดือยทอง” ยอมเดิมพันด้วยเงินทุนมหาศาล
แม้ว่ารายได้ 15 ล้านปอนด์ต่อปีของมูรินโญ ทำให้เขาผงาดเป็นผู้จัดการทีมที่ได้ค่าจ้างสูงสุดอันดับ 2 ของโลก แต่อันดับ 1 ยังคงเป็นของ “เป๊ป กวาร์ดิโอลา” ยอดผู้จัดการทีมของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่ต่อสัญญาใหม่ 2 ปีอยู่กับถิ่นเอติฮัด สเตเดียมเมื่อปีที่แล้ว พร้อมรับค่าจ้าง 20 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล
กุนซือชาวสเปนเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลที่มีค่าจ้างแพงที่สุดในโลก แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าการลงทุนของแมนเชสเตอร์ ซิตีนั้นคุ้มค่าทุกเพนนี หลังจากพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน (2017/18 และ 2018/19)
นอกจากกวาร์ดิโอลาและมูรินโญแล้ว อันดับ 3 ผู้จัดการทีมค่าจ้างสูงสุดในโลกตกเป็นของ “ดิเอโก ซิเมโอเน” แห่งทีมแอตเลติโก มาดริดของสเปน
กุนซือชาวอาร์เจนตินารับงานคุมทีมตราหมีตั้งแต่ปี 2011 พร้อมคว้าแชมป์ลาลีกา ฤดูกาล 2013/14 และพาทีมทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก (ยูซีแอล) 2 ครั้ง แต่ก็อกหักทั้ง 2 ครั้ง
ซิเมโอเนได้รับค่าจ้าง 13 ล้านปอนด์ต่อปี และมีสัญญากับแอตเลติโก มาดริดจนถึงปี 2022
วงการฟุตบอลในประเทศจีนก็ไม่น้อยหน้า เพราะขึ้นชื่อเรื่องการทุ่มจ่ายค่าเหนื่อยมหาศาลและไม่น่าแปลกใจที่ 2 กุนซือในลีกสูงสุดแดนมังกรจะเข้ามาติดโผผู้จัดการทีมค่าจ้างสูงที่สุดในโลกเช่นกัน
“ราฟาเอล เบนิเตซ” กุนซือชาวสเปนและอดีตผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล รับค่าจ้างอยู่ที่11.5 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาลกับทีมต้าเหลียน อี้ฟาง โดยเขามาร่วมงานกับทีมดังแห่งลีกจีนหลังหมดสัญญาคุมทีมนิวคาสเซิลช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ขณะที่ “ฟาบิโอ คันนาวาโร” ตำนานทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์โลกปี 2006 ปัจจุบันรับค่าจ้าง 10 ล้านปอนด์ต่อปีกับทีมกวางโจว เอเวอร์แกรนด์
คันนาวาโรรั้งอันดับ 5 ผู้จัดการทีมค่าจ้างสูงสุดในโลกร่วมกับ “ซีเนดีน ซีดาน” อดีตจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลกปี 1998 ที่ปัจจุบันคุมทีมเรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ของสเปน โดยเขากลับมาคุม “ราชันชุดขาว” เป็นรอบที่ 2 เมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา หลังลาออกจากตำแหน่งช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว พร้อมรับค่าจ้าง 10 ล้านปอนด์ต่อปี
ขณะที่อันดับ 7 ตกเป็นของ “อันโตนิโอ คอนเต” กุนซือชาวอิตาลีและอดีตผู้จัดการทีมเชลซี ที่ได้รับค่าจ้าง 9 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาลกับทีมอินเตอร์ มิลาน คอนเตกลับมาคุมสโมสรในบ้านเกิดอีกครั้งช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาและเริ่มต้นฤดูกาลนี้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการพา “งูใหญ่” รั้งรองจ่าฝูงศึกกัลโช เซเรีย อาในขณะนี้
ส่วนอันดับที่เหลือของทำเนียบ 10 ผู้จัดการทีมค่าจ้างสูงสุดในโลก ประกอบด้วยกุนซือจาก 3 ทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่าง “โทมัส ทูเคิล” ของปารีส แซงต์ แชร์กแมง (เปแอสเช) ทีมหัวแถวแห่งลีกเอิงฝรั่งเศส ที่ได้ค่าจ้าง 8 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล รั้งอันดับ 8 ผู้จัดการทีมค่าจ้างสูงสุดในโลก
สำหรับซีซั่นนี้ ทูเคิลตั้งเป้าพาเปแอสเชประสบความสำเร็จในศึกยูซีแอลให้ได้ หลังล้มเหลวในเวทียุโรปมาหลายปี
อันดับ 8 ร่วมคือ “เออร์เนสโต บัลเบร์เด” กุนซือ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่แห่งสเปน อาจน่าประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นกุนซือบาร์เซโลนาได้ค่าจ้างน้อยกว่าทีมคู่ปรับอย่างมาดริดถึง 2 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล แต่เป็นเพราะซีดานประสบความสำเร็จมากกว่าทั้งทูเคิลและบัลเบร์เดในช่วงไม่กี่ฤดูกาลที่ผ่านมา
บอสใหญ่ของเจ้าบุญทุ่มได้รับค่าจ้าง 8 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาลในการบริหารจัดการทัพนักเตะที่นำโดย “ลิโอเนล เมสซี” ดาวเตะชาวอาร์เจนตินา
ขณะที่อันดับ 10 จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “เจอร์เกน คลอปป์” กุนซือชาวเยอรมันของทีมลิเวอร์พูล ที่ได้ค่าจ้าง 7 ล้านปอนด์ต่อปี ทัพหงส์แดงของเขาทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ในฤดูกาลที่แล้ว และผงาดเป็นทีมระดับหัวแถวของอังกฤษอย่างเต็มตัว
บางคนอาจแย้งว่า จริง ๆ แล้ว คลอปป์น่าจะได้ค่าจ้างมากกว่านี้ในถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อเทียบกับผลงานที่เขาทำให้กับสโมสรตลอด 4 ปี