'เซนต์คาเบรียล' เปิดค่ายช่วยนักเรียนค้นพบตนเอง
โรงเรียนเซนต์คาเบรียล เปิดค่าย "เลือกแผนการเรียนที่ใช่ สู่อนาคตที่ชอบ" ช่วยนักเรียนค้นพบตนเองเร็ว วางอนาคตชัดเจน ไม่ตกงาน
ตัวเลขผลสำรวจภาวะการทำงานครั้งล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ขณะนี้มีจำนวนผู้ว่างงานราว 3.85 แสนคน โดยในจำนวนนี้เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีถึง 1.73 แสนคน หรือเกือบครึ่งของจำนวนผู้ว่างงานทั้งหมด
ถึงแม้ตัวเลขดังกล่าวจะถือว่าไม่สูงขึ้นมากนักหากเทียบกับปีก่อน แต่ก็ส่งนัยยะสำคัญให้ทุกภาคส่วนต้องฉุกคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือภาคการศึกษา เนื่องจากมีผลวิจัยชี้ชัดออกมาว่า สาเหตุของผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมีโอกาสตกงานสูงขึ้น เนื่องจากเลือกเรียนสายการเรียนที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดงาน
เพราะตลาดงานในปัจจุบันมีความผันผวนมาก บางอาชีพซึ่งเคยเป็นที่ต้องการเริ่มเสื่อมความนิยมหรือล้มหายตายจากไป เกิดอาชีพใหม่ๆ ที่ไม่เคยคุ้นหูมาก่อน รวมทั้งบางอาชีพก็ถูกเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ ดังนั้น "ภาคการศึกษา"ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลิตบุคลากรป้อนอนาคต จึงจำเป็นต้องปรับตัวขนานใหญ่
อย่างไรก็ตาม อดีตช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเด็ก คือช่วงที่เรียนจบระดับมัธยมศึกษาและจะต่อมหาวิทยาลัย เพราะเด็กจะถูกถามว่า อยากเลือกเรียนต่อสาขาวิชาใด แต่ในปัจจุบันการเลือกสายการเรียนตอนจะเข้ามหาวิทยาลัยอาจสายเกินไป
ด้วยเหตุดังกล่าว "โรงเรียนเซนต์คาเบรียล" โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาได้มีการปรับตัวการเรียนการสอน จากเดิมที่เคยแบ่งแผนการเรียนแบบกว้างๆ เช่น วิทย์-คณิต ศิลป์-ภาษา ศิลป์-คำนวณ ก็มีการเพิ่มแผนการเรียนเฉพาะทางที่ตอบสนองตลาดงานและความต้องการของเด็กมากขึ้น เพื่อวางรากฐานการศึกษาให้ชัดเจนตามความชอบของเด็กตั้งแต่เนิ่นๆ
เมื่อไม่นานมานี้ทางโรงเรียนได้ร่วมกับ ผศ.ดร.ลักคณา วรศิลป์ชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการศึกษาและวางแผนอาชีพ (Education and Career Counselor) จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาให้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4
ค่ายค้นหาตนเอง “เลือกแผนการเรียนที่ใช่ สู่อนาคตที่ชอบ” โดยใช้เครื่องมือแบบทดสอบและแนวทางที่ได้มาตรฐานระดับสากลมาเป็นเครื่องมือในการทำให้เด็กค้นพบตัวเอง รวมทั้งเชิญศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในสายงานต่างๆ มาเล่าประสบการณ์
ภราดาคฑาวุธ สิทธิโชคสกุล รองผู้อำนวยการและหัวหน้าฝ่ายวิชาการ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพราะโรงเรียนเล็งเห็นว่า ทิศทางของตลาดงานได้เปลี่ยนแปลงไปมาก เด็กและผู้ปกครองในปัจจุบันจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแนวคิดในการเลือกเรียนเสียก่อน
จากเดิมที่เด็กมักตั้งต้นด้วยการเลือกมหาวิทยาลัย จากนั้นค่อยเลือกคณะและสาขาหรือหลักสูตร แล้วจึงวางแผนสอบให้ติด เด็กก็ควรเลือกแบบย้อนกลับ นั่นคือ ต้องดูตลาดงานก่อนว่าเป็นอย่างไร อาชีพใดเป็นที่ต้องการ จากนั้นจึงเลือกสาขาวิชาที่ตัวเองชอบและใช่จริงๆ โดยต้องเลือกสถาบันที่เปิดสอนในสาขานั้นๆ
การที่จะเด็กจะรู้ว่า ตนเองชอบหรือไม่ชอบอะไรนั้น ก็ต้องอาศัยการเรียนรู้ตนเองตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะเลือกเรียนสายที่ตรงกับทั้งความต้องการของตนได้อย่างถูกต้อง วิธีนี้จะช่วยให้เด็กมีอนาคตที่ชัดเจน อีกทั้งยังทำให้เด็กได้ค้นพบตัวเอง จะได้เรียนและทำงานอย่างมีความสุขในอนาคต
ด้วยจุดประสงค์ในการช่วยนักเรียนให้ค้นหาตนเอง 2 ปีที่ผ่านมา "โรงเรียนเซนต์คาเบรียล" ได้ริเริ่มเปิดแผนการเรียนเพิ่มเติมขึ้น ได้แก่ วิทย์-สุขภาพ, วิทย์-ประยุกต์, วิทย์-ทั่วไป, วิทย์-อินเตอร์, ศิลป์-คำนวณ, สหวิทยาการสังคมศึกษา และสหศิลป์ เพื่อให้เด็กๆ เลือกเรียนตามที่ตนถนัดและสนใจ-ซึ่งการมีแผนการเรียนที่หลากหลายเฉพาะทางมากขึ้น
สนองตอบนโยบายด้านการปฏิรูปกระบวนการพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนของรัฐบาล ที่ระบุว่า สถาบันการศึกษาต้องมีหลักสูตรทุกระดับ/ประเภทที่จะนำไปสู่การปลูกฝังคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และพัฒนาความสามารถของผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ชุมชน สังคม และประเทศชาติ อันเป็นต้นทางขจัดปัญหาการว่างงานนั่นเอง