ศาลอนุมัติจับ 'ประจักษ์ โพธิผล' แก๊งจับลิขสิทธิ์ ข้อหาปลอมเอกสาร-กรรโชกทรัพย์
"วิระชัย" ลุย! เผยศาลอนุมัติหมายจับ "ประจักษ์ โพธิผล" แก๊งจับลิขสิทธิ์ ข้อหาปลอมเอกสาร-กรรโชกทรัพย์
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน ที่สภ.เมืองนครราชสีมา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับมาจากศาลจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขออนุมัติหมายจับนายประจักษ์ โพธิผล พร้อมพวก ฐานมีพฤติการณ์แอบอ้างเป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงจากเจ้าของลิขสิทธิ์ลายการ์ตูนชื่อดัง เพื่อออกตระเวนกรรโชกทรัพย์ ว่า หลังศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้ยกคำร้องการขออนุมัติหมายจับ ตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา เร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมและมากที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากต้องประสานกับผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและต่างประเทศ
เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ตนได้เชิญผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องบริษัท เวอริเซ็ค จำกัด รวม 11 คน มาพูดคุย ได้ความกระจ่าง โดยนายภควรรธก์ ศรสำราญ ซึ่งเป็นผู้มอบอำนาจ ยืนยันใบมอบอำนาจ ที่นำไปแอบอ้างมีการปลอมแปลงลายมือชื่อตัวเอง ซึ่งมีการใช้หมึกเขียนทับลายมือชื่อนายภควรรธก์ ฯ และเลขที่หนังสือระบุใช้กับที่อื่น มิใช่เขตเมืองนครราชสีมา รวมทั้งตัวการ์ตูน “ แมวการ์ฟิลด์ ” และ “ ริลัคคุมะ ” ปรากฏหนังสือฉบับนี้ไม่มีการเช่าออกจากบริษัทฯ แต่อย่างใด สรุปเป็นใบมอบอำนาจปลอมทั้งหมด ตนจึงให้นายภควรรธก์ ฯ พร้อมพวกในฐานะผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ต่อไป
และได้สืบทราบพฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าว มีนายป. เป็นผู้ดำเนินการลักษณะพ่อพระ เปิดโอกาสให้ต่อรองนำทรัพย์สินมาแลกกับการไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนนายภูมิภากร หรือนัน กิ่งเพชร ถินสุวรรณ์ เล่นบทโหดในการเจราจาและนางสาววนิสา ถินสุวรรณ์ ลูกสาวนายนัน ฯ ทำหน้าที่เป็นผู้ล่อซื้อ คดีนี้ได้ดำเนินการที่ สภ.เมือง นครราชสีมา และ จ.มหาสารคาม คดีเป็นเพียงแค่เริ่มต้น จะมีการขยายผลไปคดีอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อขุดถอนรากถอนโคนแก๊งนี้ให้สิ้นซาก รอง ผบ.ตร. กล่าว ด้วยน้ำเสียงดุดัน
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าว เมื่อช่วงก่อนเที่ยงที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้อนุมัติหมายจับลงวันที่ 26 พฤศจิกายน เลขที่ จ.2852565 นายประจักษ์ ฯ เลขที่ จ.2862565 นางวนิสา ฯ และ เลขที่ จ.2872565 นายภูมิภากร ฯ หรือนัน กิ่งเพชร รวม 4 ข้อกล่าวหา 1. มาตรา 264 ทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใดเติมหรือตัดทอนจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.มาตรา 268 ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากกระทำความผิดตามมาตรา 264 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3.มาตรา 172 แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 4.มาตรา 337 ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ซึ่งเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ ใครทำผิดกี่ครั้งก็นับรวมตามกรรม ขณะนี้มีผู้เสียหายค่อนข้างมาก อยู่ระหว่างติดตามตัวมาพบพนักงานสอบสวนและได้ขยายไปยังทุกสถานีตำรวจให้ตรวจสอบมีขบวนการนี้ประกอบเหตุหรือไม่