ท่องเที่ยว พัทยา ซึม หวังตลาดดาวรุ่ง 'อินเดีย' กู้ยอด
“พัทยา” เมืองท่องเที่ยวหลักกำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งในมิติจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอตัวจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและภาพลักษณ์ของเมือง
มาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา คาดการณ์ว่า แนวโน้มภาคท่องเที่ยวเมืองพัทยาปี 2563 จะยังได้รับผลกระทบจาก “ปัญหาเศรษฐกิจโลก” และ “ค่าเงินบาทแข็งค่า” ต่อเนื่องจากปีนี้ ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติลดลงจาก 14.25 ล้านคนในปี 2561 เติบโต 4.55% จากปีก่อน โดยแบ่งออกเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 9.32 ล้านคน และไทย 4.93 ล้านคน
“อัตราเข้าพักเฉลี่ยตลอดปีนี้ของโรงแรมในเมืองพัทยาลดลง 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งที่ซัพพลายโรงแรมไม่ได้ขยายตัวมากนัก อย่างในเดือน พ.ย.นี้ซึ่งเข้าช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น ปกติยอดจองโรงแรมจะเกือบเต็ม 100% แล้ว แต่ยอดจองกลับลดลง20%”
สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะปีนี้ ดีมานด์นักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 หายไป 2% นักท่องเที่ยวเกาหลีก็ลดลงเช่นกัน เพราะหันไปเที่ยวประเทศเวียดนามมากขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวรัสเซียยังทรงตัว แต่ตลาดดาวรุ่งอย่าง “อินเดีย” ขยับอันดับขึ้นมาเป็นที่ 2 แซงรัสเซียตั้งแต่ปีที่แล้ว
“อัตราการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียดีมาก ทั้งในเชิงจำนวนและการใช้จ่ายซึ่งเฉลี่ยสูงถึง 1 หมื่นบาท/คน/วัน มากกว่านักท่องเที่ยวจีน 2 เท่า โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวกลุ่มชายโสดและกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (อินเซนทีฟ กรุ๊ป) เนื่องจากอินเดียไม่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจมากระทบ และนักท่องเที่ยวยังมีพฤติกรรมพร้อมจับจ่ายอย่างเต็มที่ นิยมเที่ยวในวอล์คกิ้งสตรีท เดินทางตามรอยโลเกชั่นถ่ายภาพยนตร์อินเดียในเมืองพัทยา และซื้อของฝากกลับเป็นจำนวนมาก”
มาโนชกล่าวว่าส่วนปัญหาขยะ ที่เกิดขึ้นเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวและผู้คนที่เข้า-ออกเมืองพัทยาเพิ่มขึ้นเป็น 4.5 แสนคน/วัน ทำให้มีขยะต่อวันเฉลี่ย 1 กก./คน จนมีปริมาณขยะทุกชนิดรวมกว่า 480 ตัน/วัน ตามสถิติเมื่อปี 2561 นั้น ทางเทศบาลเมืองพัทยาจึงได้รณรงค์ลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง จนสามารถลดปริมาณขยะในเมืองพัทยาได้ 20 ตัน/วันจากปีที่แล้ว และเตรียมประกาศบัญญัติเมืองพัทยา ห้ามใช้พลาสติกบนเกาะล้าน เพื่อแก้ปัญหาขยะทางทะเลอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ เทศบาลเมืองพัทยาได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมรณรงค์ลดขยะพลาสติกและหมุนเวียนนำกลับมาใช้ซ้ำ ผ่านโครงการ “ลดโลกเลอะxรักษ์ปันสุข” ด้วยแนวคิดส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าและก่อประโยชน์สูงสุด โดยได้เปลี่ยนขยะให้เป็นงานศิลปะ นำขวด PET มาสร้างเป็นประติมากรรม “เต่ามะเฟืองแม่ลูก” ริมชายหาดจอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเสริมว่าปัญหาขยะล้นเมืองนับเป็นปัญหาสำคัญที่เรื้อรังมานาน จากการสำรวจล่าสุดพบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกที่กำลังประสบปัญหาเรื่องการจัดการขยะ โดยในปี 2561 มีปริมาณขยะทางทะเลและขยะมูลฝอย 27.8 ล้านตัน แบ่งเป็นขยะพลาสติก 2 ล้านตัน และมีการนำมารีไซเคิลเพียงแค่ 5 แสนตัน หรือ25% เท่านั้น ทำให้ขยะที่เหลือมีการกำจัดอย่างไม่ถูกวิธี
แต่จากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาขยะทะเลและพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้ไทยสามารถปรับอันดับประเทศที่มีขยะทางทะเลสูงสุดในโลกจากอันดับ 5 ลงมาอยู่ที่อันดับ 10 ได้สำเร็จ ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการแก้ปัญหาของไทย
และในโอกาสครบรอบ 60 ปี ในปี 2563 ททท. มีแนวคิดและให้ความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) โดยได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่มุ่งเน้นการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญในการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และได้ดำเนินการเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยว ร่วมกันรับผิดชอบต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ลดการสร้างภาระขยะในแหล่งท่องเที่ยว
พร้อมกำหนดเป้าหมายลดการใช้พลาสติกในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ลดลง 50% ภายในปี 2563 ลดขยะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-Use Plastics) พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้วัสดุสำหรับทดแทนพลาสติกและภาชนะที่สามารถใช้ซ้ำได้ เพื่อไม่สร้างภาระในการกำจัดให้กับแหล่งท่องเที่ยวและชุมชน