'ประจักษ์' พร้อมพวกให้การภาคเสธ พบข้อมูลตระเวนจับคดีละเมิดลิขสิทธิ์ 329 ราย
"ประจักษ์" พร้อมพวกให้การภาคเสธ พบข้อมูลตระเวนจับคดีละเมิดลิขสิทธิ์ 329 ราย เฉพาะปี 62 รวม 90 ราย เอกสารปลอม 55 ราย
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา ได้ควบคุมตัวนายประจักษ์ โพธิผล อายุ 52 ปี นายภูมิภากร หรือนัน กิ่งเพชร ถินสุวรรณ์ อายุ 42 ปี และนางสาววนิสา ถินสุวรรณ์ อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวนายนัน ฯ โดยทั้งสามคนเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดนครราชสีมา ฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์,ทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ,และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน มาชี้จุดที่ร้านกาแฟด้านหน้าข้าง สภ.เมือง นครราชสีมา เพื่อพูดคุย เจรจาหลังล่อจับคดีลิขสิทธิ์และบริเวณประตูชุมพล หลังลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่นัดให้ผู้เสียหายนำสินค้ามาส่งมอบก่อนจะแสดงตัว โดยแอบอ้างเป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงจากเจ้าของลิขสิทธิ์ลายการ์ตูนชื่อดัง ในระหว่างที่นำชี้จุด นายนัน ฯ ได้ตอบข้อซักถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับนางสาววนิสา ฯ ลูกสาวทำหน้าที่อะไรบ้าง นายนันฯ อ้างลูกสาวเป็นเพียงผู้ที่หาข้อมูลการละเมิดลิขสิทธิ์ในโลกโซเชียลและไม่เกี่ยวข้องกับการล่อซื้อ
พล.ต.อ วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เมื่อเช้านี้ได้รับคำสั่งจากพลเอกประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นห่วงประชาชนถูกแก๊งกรรโชกทรัพย์อ้างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) ลิขสิทธิ์ จึงสั่งการให้ตนเดินทางมาควบคุมคดีและประสานศาลจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขออนุมัติหมายจับนายประจักษ์ ฯ พร้อมพวก ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา ได้วางแผนสะกดรอยติดตามจนสามารถจับกุมตัวได้ครบทั้ง 3 คน ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้ที่ไม่สามารถให้ข่าวใดๆได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ครอบคลุมจนนำมาสู่ขอศาล ฯ อนุมัติออกหมายจับได้
เมื่อคืนนี้ได้เชิญผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องบริษัท เวอริเซ็ค จำกัด รวม 11 คน มาพูดคุยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก ตั้งแต่ต้นปี 2562 พบนายประจักษ์ ฯ พร้อมพวกออกตระเวนจับคดีละเมิดลิขสิทธิ์รวมทั้งสิ้น 90 ราย ซึ่งมีเอกสารยืนยันมอบอำนาจช่วง 35 ราย และ 55 ราย เป็นเอกสารปลอม บางส่วนลายมือชื่อปลอมและเลขที่ไม่ตรงหรือปลอมทั้งฉบับ ภาพรวมทั้งหมดนายประจักษ์ ฯ ได้รับมอบอำนาจช่วงจับคดีลิขสิทธิ์ทั้งสิ้น 329 ราย ซึ่งต้องตรวจสอบของปลอมกี่รายและของแท้กี่ราย เราต้องขยายผลต่อไป
พล.ต.อ วิระชัย ฯ กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยรับสารภาพได้เรียกและรับเงิน 5 พันบาทจากน้องเยาวชนจริง ได้แจ้งความก่อนจับกุมจริงและมีตำรวจไปร่วมจับจริงแต่ปฏิเสธเรื่องหนังสือมอบอำนาจช่วงจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ซึ่งถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ พนักงานสอบสวนเชื่อมั่นในพยานหลักฐาน มีการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องจนสามารถขอศาลจังหวัดนครราชสีมา อนุมัติหมายจับได้ในที่สุด พยานหลักฐานสามารถพิสูจน์ด้วยวัตถุพยาน ประจักษ์พยานและหลักนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งบุคคลและขั้นตอนการมอบอำนาจ จึงไม่เป็นห่วงกับให้การภาคเสธ ซึ่งบริษัทก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน เนื่องจากไม่ได้ส่งเงินมาให้จะมีการแจ้งความร้องทุกข์ในเร็วๆนี้
“ ขั้นตอนการจับคดีลิขสิทธิ์ เริ่มจากผู้รับมอบอำนาจช่วงต้องสืบสวนหาข่าวเองและนำเสนอให้บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์เห็นชอบการมอบอำนาจให้จับกุม โดยมีหนังสือลงลายมือชื่อและเลขที่ในพื้นที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จากนั้นแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบและขอกำลังร่วมจับกุม เมื่อกระบวนการสิ้นสุดก็ต้องรายงานให้บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์รับทราบและนำเงินมาส่งมอบให้หาพฤติการณ์นอกเหนือจากนี้ถือเป็นการแอบอ้างไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ” รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกระบวนการจับคดีลิขสิทธิ์
อย่างไรก็ตามการขุดรากถอนโคนขบวนการแก๊งบราโว่ ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้ว แต่จะได้มากน้อยเพียงไรขึ้นอยู่กับผู้เสียหายที่มาแจ้งความเราได้ประสานไปยังผู้เสียหายที่เคยถูกกรรโชกทรัพย์ในลักษณะนี้ให้มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง นครราชสีมา ส่วนจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศ ขอให้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรตามพื้นที่ที่เคยถูกจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ จากการสืบสวนพบข้อมูลของแก๊งบราโว่ หรือทีมบราโว่ ที่ขึ้นทะเบียนกับบริษัท เวอริเซ็ต จำกัด มีสมาชิกรวม 9 คน ทุกครั้งที่ออกตระเวนกระทำการจับคดีละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ได้ไปพร้อมกันทั้ง 9 คน แต่จะใช้บุคคลอื่นเข้ามาเสริมหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป เช่น นายภูมิภากร หรือนัน กิ่งเพชรและลูกสาว ได้ดำเนินการแจ้งความจับกุมการละเมิดลิขสิทธิ์มาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบย้อนกลับอย่างละเอียด กรณีใดมีการแอบอ้างใช้ใบมอบอำนาจปลอม การกรรโชกทรัพย์กี่ครั้งและมูลค่าความเสียหายทั้งหมด เบื้องต้นมีผู้เสียหายที่เสียทรัพย์ตั้งแต่ 5,000 – 2 แสนบาท ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ขอให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายร่วมกันมาแจ้งความ ขอยืนยันเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดทั้งหมด เพื่อปิดฉากขบวนการอ้าง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์กรรโชกทรัพย์ประชาชน หากพบผู้ใดมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับกรรโชกทรัพย์ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบทันที สำหรับคดีนี้เป็นคดีอาญาที่เกี่ยวเนื่องกับคดีแพ่ง เมื่ออัยการยื่นฟ้องต่อศาลขอให้ลงโทษทางอาญา รวมทั้งให้ชดใช้การละเมิดทางแพ่งร่วมด้วย ผู้เสียหายมีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย เนื่องจากถูกทำให้เสียหาย เสียชื่อเสียงหรือเสรีภาพในขณะที่กำลังถูกควบคุมตัว พล.ต.อ วิระชัย ฯ รอง ผบ.ตร. กล่าว