ตลท.ชู 3 จุดแข็ง หนุนพื้นฐานตลาดหุ้นไทยแกร่ง
ตลท. มั่นใจพื้นฐานตลาดหุ้นไทยแกร่ง ชี้ 3 จุดเด่น หนุนตลาดในปีหน้า พร้อมชูกลุ่ม Well-being นำตลาด
จากงานสัมมนา ‘ส่องหุ้นไทย ฟุบ หรือ ไปต่อ... รับปี 2020’ ซึ่งจัดโดย นสพ.กรุงเทพธุรกิจ
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2562 ต่อเนื่องสู่ปี 2563 ถือเป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักลงทุน เพราะภาพของตลาดทุนในปัจจุบันเป็นยุค VUCA หรือยุคที่ประกอบไปด้วย ความผันผวน (Volatility) ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ความซับซ้อน (Complexity) และความคลุมเครือ (Ambiguity)
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่าพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางภาวะที่ผันผวนเช่นนี้ โดยความแข็งแกร่งนี้เกิดขึ้นจาก 3 จุดเด่นสำคัญ ได้แก่
ความกว้างที่มากขึ้นของตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะเห็นได้จากการเติบโตของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 17 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากตลาดหุ้นสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 20.7 ล้านล้านบาท และในแง่ของการระดมทุนในตลาดแรกผ่านหุ้นไอพีโอ ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยก็มีมูลค่ามากที่สุดถึง 7.6 หมื่นล้านบาท ในปี 2562 นี้
นอกจากนี้ จะเห็นว่าหุ้นขนาดใหญ่ของไทยสามารถเข้าไปร่วมคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Index ถึง 41 บริษัท และมีถึง 7 บริษัทที่เป็นผู้นำด้านความยั่งยืนใน DJSI 2562 เป็นรองเพียงแค่บริษัทจากสหรัฐที่มีอยู่ 12 บริษัท ซึ่งบริษัทในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ช่วยดึงให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น
จุดเด่นด้านถัดมาคือ ความลึก ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันของตลาดหุ้นไทยเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน เฉลี่ยที่ 5.24 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความหลากหลายของนักลงทุนค่อนข้างมาก
จุดเด่นประการที่สาม คือ ความน่าสนใจของหุ้นในกลุ่ม well-being หรือหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว โรงพยาบาล อาหาร รวมถึงโลจิสติกส์ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มหุ้น well-being นับเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนมากที่สุดของตลาดไทยแซงหน้ากลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ไปแล้ว
“แม้ภาวะตลาดหุ้นจะยังมีความผันผวน แต่เชื่อว่าโอกาสของการลงทุนยังมีอยู่เสมอ โดยส่วนตัวมองว่าทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในขณะนี้คือ หุ้นที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ อย่างกลุ่มหุ้น 30 ตัว ใน SETHD ซึ่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทน 5.4% สูงกว่าตลาดที่ทรงตัว เช่นเดียวกับกลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทรัสต์ และกองรีท ก็ยังให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน”
นอกจากนี้ยังมีหุ้นในบางกลุ่มที่กำไรสุทธิ 9 เดือน 2562 ยังคงเติบโตได้โดดเด่น อาทิ กลุ่มการแพทย์ กำไร 9 เดือน โต 33% กลุ่มโรงแรม โต 17% กลุ่มอาหาร โต 12% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โต 8% และกลุ่มธนาคาร โต 5%