'จิรายุ' จองกฐิน 'รัฐบาล' จับตาแจกเงินชาวนา ช่วงเลือกตั้งซ่อมขอนแก่นเขต 7
“จิรายุ” จองกฐิน “รัฐบาล” จับตาแจกเงินชาวนา ช่วงเลือกตั้งซ่อมขอนแก่นเขต 7 เย้ยรัฐบาลไร้เอกภาพบริหารเศรษฐกิจ ปูดเจรจาไอเอ็มเอฟ
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.62 ในการประชุมสภาฯ ช่วงกระทู้ถามสด นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสด นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.)โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง และเป็นเพียงการช่วยผู้ประกอบการ มากกว่าช่วยประชาชน ทั้งนี้นโยบายต่างๆ อาทิ บ้านติดดาว, แจกเงินชาวนา ถือว่าเป็นโครงการซึ่งลอกนโยบายของพรรคไทยรักไทยและพรรคเพื่อไทย ซึ่งลอกแบบเซินเจิ้น แต่เป็นอภิมหาประชานิยม แต่กระบวนการวิธีคิดถือว่าช้า ทั้งนี้การแจกเงินเพื่อช่วยชาวนา ตนทราบว่ารัฐบาลยังไม่ได้นำเงินให้ชาวบ้านในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 7 ซึ่งจะเก็บไว้เพื่อแจกก่อนการเลือกตั้ง วันที่ 22 ธันวาคมนี้ใช่หรือไม่ ดังนั้นขอให้ระวังหากพบการแจกเงินช่วงเลือกตั้ง ตนจะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ
“มาตรการของรัฐบาล คือ การนำเงินภาษีของประชาชนมาแจก สถานการณ์ทางการคลัง ไตรมาสสุดท้ายของปี จัดเก็บภาษีไม่เป็นไปตามเป้าหมายและเรียกเงินกองทุน ผนวกในงบประมาณ รัฐบาลกำลัง บักโกรกจริงหรือไม่ และกรณีที่มีข่าวว่าไปคุยกับ ไอเอ็มเอฟ เพื่อเตรียมกู้เงินจริงหรือไม่” นายจิรายุซักถาม
ด้าน นายอุตตมชี้แจงว่า การกำหนดกลุ่มมาตรการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในหลากด้าน อาทิ เกษตรกร, กลุ่มร้านค้า, ประชาชน หรือการดูแลที่อยู่อาศัย เพื่อดูแลประชาชนและภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยหวังผลที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ การจ้างแรงงานเพื่อก่อสร้าง, ร้านวัสดุก่อสร้าง และมีเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ระบบทั้งนี้โครงการต่างๆ จะประเมินอีกครั้ง ทั้งนี้การออกมาตรการต่างๆ ได้หารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามการออกชุดมาตรการดูแล เพราะมีปัจจัยที่กระทบ ส่วนการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมให้เกิดการออมนั้นเป็นชุดมาตรการที่จะดูแลประชาชนให้สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาประเทศ และพัฒนาประเทศระยะยาว
“สถานการณ์การเงินการคลังประเทศ ยืนยันว่าสถานภาพที่แข็งแกร่ง เข้มแข็ง สะท้อนโดยชุดตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่กำหนดเป็นกฎหมายและประเมินโดยองค์กรต่างๆ เช่น ไอเอ็มเอฟ ล่าสุดผลประเมินอย่างเป็นทางการ อาติเคิลสี่ ที่ประเมินว่าประเทศไทยมีสถานภาพการเงิน การคลังแข็งแกร่ง ทั้งนี้ไอเอ็มเอฟแนะนำให้ใช้มาตรการพิเศษ คือ มาตรการที่รัฐบาลออก สมควรและจำเป็นต้องทำ ส่วนรายงานได้เดือนตุลาคมที่ผ่านมา รายได้เกินเป้า 6.9 พันล้านบาท แบ่งเป็น จัดเก็บเกินเป้าจากกรมสรรพากร จำนวน 4,200 ล้านบาท และจากรัฐวิสาหกิจ จำนวน 5,500 ล้านบาท” นายอุตตม ชี้แจง
ขณะที่ นายจิรายุ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า รัฐบาลใช้เงิน เพื่อจ่ายในมาตรการต่างๆ ประมาณ 8 แสนล้านบาท แต่ได้เงินคืนมา 6,900 ล้านบาท ทั้งนี้ขอฝากไปยังรัฐบาลให้ทำงานอย่างเป็นเอกภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงกระทู้ถามสด ดังกล่าว น.ส.สิริกันยา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ถามต่อประเด็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตั้งข้อสังเกตว่าไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง และบางมาตรการซ้ำซ้อน โดยนายอุตตม ชี้แจงโดยยืนยันว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการช่วยเหลือประชาชนในส่วนต่างๆ ได้ประเมินถึงผลตอบแทนที่จะได้รับต่อจีดีพี อาทิ กองทุนหมู่บ้านจ่ายเงินไป 1.4 หมื่นล้านบาท คาดจะมีผล 0.37 ต่อจีดีพี, พักระหนี้กองทุน ลงเงินไป 5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมีผล 0.13 ต่อจีดีพี เป็นต้น
ทั้งนี้ โครงการที่รัฐบาลดำเนินการผ่านการประเมินและหารือร่วมกัน โดยไม่มีความซำ้ซ้อน