5 เทรนด์นวัตกรรมพลาสติกเพื่อโลก  

 5 เทรนด์นวัตกรรมพลาสติกเพื่อโลก   

ปีนี้คอนเซ็ปต์ของงาน K2019 รวมถึงนวัตกรรมที่แต่ละองค์กรร่วมนำเสนอต่างมุ่งไปที่“พลาสติกเพื่อความยั่งยืน” และ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การพัฒนาพลาสติกในอนาคตที่ต้องยั่งยืนและมีประสิทธิภาพทั้งด้านการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากร

       ในงานจัดแสดงนวัตกรรมและสินค้าพลาสติกและยางที่ใหญ่ที่สุดในโลก“K2019” ที่เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่16-23ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานที่ผู้คนในแวดวงพลาสติกให้ความสนใจอย่างมาก และถือเป็นตัวชี้วัดที่จะกำหนดเทรนด์ในอุตสาหกรรมพลาสติกได้ โดยงาน“K2019”ปีนี้ มีผู้เข้าร่วมจัดแสดงนวัตกรรมถึง3,300รายจากทั่วโลก รวมถึง“เอสซีจี” หนึ่งในผู้นำธุรกิจปิโตรเคมีของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

       สำหรับ5ไฮไลต์นวัตกรรมพลาสติกเพื่อความยั่งยืน ที่ผู้ประกอบการชั้นนำได้คิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทิศทางการบริโภคในปัจจุบันและนำเสนอในเวทีนี้ ได้แก่

1.รีไซเคิลได้ง่ายขึ้น

โดยพื้นฐานแล้วพลาสติกนับเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้100% หากมีการจัดเก็บหลังการใช้งานที่ถูกต้อง ก็จะไม่เป็นขยะรั่วไหลออกสู่สิ่งแวดล้อม แต่ที่ผ่านมาวงการพลาสติกได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการและการใช้งาน โดยประกอบหรือผสมกับวัสดุชนิดอื่นที่ไม่ใช่พลาสติก ทำให้บรรจุภัณฑ์นั้นไม่สามารถรีไซเคิลได้ อาทิ บรรจุภัณฑ์ประเภทชั้นฟิล์มหลายชั้น ซึ่งมีการใช้ชั้นฟิล์มประเภทอลูมิเนียม ในงานK2019จึงมีผู้ประกอบการหลายเจ้าไม่ว่าจะเป็นSabic, Borealis, Dowและเอสซีจี ที่นำเสนอโซลูชันเพื่อทดแทนบรรจุภัณฑ์หลายชั้น โดยเฉพาะแนวคิดMono Materialsที่พัฒนาบรรจุภัณฑ์หลายชั้นโดยใช้วัสดุชนิดเดียวกันทั้งหมด เพื่อให้สามารถรีไซเคิลได้ ตลอดจนการพัฒนาพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้อยู่แล้ว ให้สามารถรีไซเคิลได้ดียิ่งขึ้น โดยที่คุณสมบัติไม่ลดลง

2.ลดทรัพยากรการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพของวัสดุ

พลาสติกเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง อาทิ ชิ้นส่วนยานยนต์ที่ช่วยลดน้ำหนักและลดอัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน วัสดุก่อสร้างที่มุ่งเน้นความคงทนและการกัดกร่อนของสารเคมี และอุปกรณ์ทางการแพทย์ประเภทต่าง ๆ ทิศทางในการพัฒนาพลาสติกเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานประเภทอุตสาหกรรมเฉพาะทาง จึงมุ่งเน้นการพัฒนาพลาสติกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยลดปริมาณทรัพยากรในการผลิตลงตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ตัวอย่างเช่นDuPontที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาวัสดุน้ำหนักเบาสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ ได้นำเสนอเทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ที่ตอบโจทย์เทรนด์รถยนต์ในอนาคต สำหรับระบบไฮบริด ระบบไฟฟ้า และรถยนต์อัตโนมัติ โดยพัฒนาร่วมกับพาร์ทเนอร์ลูกค้าแบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงRenault Sport Racingในการพัฒนารถแข่งF1และรถยนต์ประเภทอื่น ๆ

ส่วนของเอสซีจีเอง ก็ได้นำเสนอเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดทรัพยากรในการผลิตเช่นกัน ได้แก่ เทคโนโลยีSMX™ที่สามารถใช้กับงานได้หลากหลายชนิด อาทิ ถังบรรจุสารเคมีขนาดใหญ่ บรรจุภัณฑ์ประเภทฟิล์มที่มีความยืดหยุ่น สามารถทนต่อแรงกระแทกและแรงเจาะทะลุได้ดีเป็นพิเศษ และฝาน้ำอัดลมรุ่นน้ำหนักเบาและใช้วัสดุน้อยลงแต่ให้ความแข็งแรงมากขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถนำเทคโนโลยีSMX™ของเอสซีจี มาพัฒนาท่อก๊าซ ท่อเหมือง และท่อที่รับแรงดันสูงในอนาคตได้อีกด้วย

3.นำขยะกลับมาเป็นวัตถุดิบ

เมื่อพลาสติกเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ จึงมีการนำขยะพลาสติกมาหมุนเวียนเพื่อใช้ประโยชน์เป็นวัตถุดิบต่อไป โดยสามารถแบ่งเทคโนโลยีที่นำขยะพลาสติกกลับมาเป็นวัตถุดิบได้ดังนี้

Mechanical Recycling เป็นการรีไซเคิลด้วยกระบวนการทางกล โดยการนำพลาสติกที่ใช้งานแล้วมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลเป็นเม็ดพลาสติกและขึ้นรูปเป็นสินค้าเพื่อใช้งานโดยตรง ซึ่งเม็ดพลาสติกรีไซเคิลที่ได้จะเรียกว่าPost-Consumer Recycled(PCR)Plasticและมีการใช้งานโดยผสมกับพลาสติกใหม่และหรือปรับแต่งคุณสมบัติด้วยสารเติมแต่งเพื่อให้ได้คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ เช่น ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ของสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพสูงเพิ่มมากขึ้น อาทิ แกลลอนพลาสติกที่มีส่วนผสมของPE Recycle 95% โดยLyondellBasellขวดเครื่องดื่มชาเขียวที่ใช้PET Recycle 100% ของSuntoryและซองตั้งที่เป็นRecycleFull PE Laminated SolutionจากExxonซึ่งเป็นการนำเสนอแนวทางที่มีการประยุกต์ใช้ทั้งPCRและMono materialsร่วมกัน เป็นต้น

Feedstock RecyclingหรือChemical Recycling เป็นวิธีการนำพลาสติกกลับไปเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในกระบวนการผลิตทั้งในรูปแบบก๊าซและของเหลว อาทิSabicและBASFที่คิดค้นกระบวนการสร้างพลาสติกรีไซเคิลด้วยวิธีPyrolysisโดยนำขยะพลาสติกที่มีมูลค่าต่ำหรือรีไซเคิลไม่ได้มาใช้เป็นวัตถุดิบ แทนการกำจัดด้วยการเผาหรือฝังลงในบ่อฝังกลบ ซึ่งได้รับการรับรองว่ามีคุณสมบัติเทียบเท่าพลาสติกปกติ สามารถสัมผัสอาหารได้ โดยมีสินค้าหลายแบรนด์ที่นำไปใช้เป็นบรรจุภัณฑ์แล้ว อาทิ คนอร์ และกล่องไอศกรีมแม็กนั่มของยูนิลีเวอร์ เป็นต้น

4.พลาสติกชีวภาพ และวัตถุดิบทางเลือก

พลาสติกชีวภาพถูกคิดค้นเพื่อช่วยให้พลาสติกสามารถย่อยสลายได้เร็วขึ้น โดยพัฒนาจากวัตถุดิบหลากหลายชนิด อาทิ ข้าวโพด อ้อย และมันสำปะหลัง และเนื่องจากพลาสติกเป็นผลพลอยได้จากปิโตรเลียมที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงได้มีการคิดค้นการนำวัตถุดิบทางเลือกที่สามารถผลิตใหม่ได้ (Renewable Feedstock) มาใช้ในการผลิตพลาสติก อาทิBio-based Feedstockและการสังเคราะห์จากคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น ซึ่งการนำไปใช้และการจัดการหลังการใช้งานของพลาสติกเหล่านี้จะแตกต่างจากพลาสติกทั่วไปที่สามารถรีไซเคิลได้ ผู้บริโภคจึงควรสังเกตบรรจุภัณฑ์และคัดแยกประเภทขยะอย่างถูกต้อง เพราะหากมีการปะปนของพลาสติกชีวภาพเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลจะทำให้เกิดความเสียหายได้

5.ความร่วมมือ ผนึกกำลังเพื่อความยั่งยืน

ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตและเจ้าของแบรนด์ในการร่วมกันพัฒนานวัตกรรมที่ทั้งตอบโจทย์เจ้าของผลิตภัณฑ์และสังคมไปพร้อม ๆ กัน เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่เห็นได้ภายในงานK2019อาทิBASFที่จับมือกับJaguar Land Roverร่วมศึกษาการนำขยะมาผลิตชิ้นส่วนในรถยนต์เอสซีจีและเบทาโกรที่ร่วมพัฒนาบรรจุภัณฑ์บรรจุชิ้นส่วนไก่สดที่มีความเหนียว รับน้ำหนักได้ดี และทนการเจาะทะลุจากชิ้นส่วนและกระดูกไก่ได้ดีเป็นพิเศษ และอีกหลากหลายแบรนด์ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือระหว่างผู้ผลิต ผู้รีไซเคิล เจ้าของแบรนด์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ เพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านการจัดการขยะเพื่อนำกลับมาสร้างให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นใจว่า อุตสาหกรรมพลาสติกจะเติบโตไปพร้อม ๆ กับการดูแลโลก อาทิเอสซีจี ที่ร่วมมือกับDowนำพลาสติกใช้แล้วมาทำถนนพลาสติกรีไซเคิลเป็นต้น

       เทรนด์พลาสติกเพื่อความยั่งยืนทั้ง 5 นี้ สะท้อนให้เห็นว่าเหล่าผู้ประกอบการมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการรีไซเคิล การนำกลับมาใช้ใหม่ และการลดการใช้ทรัพยากรตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อสร้างสรรค์พลาสติกอย่างยั่งยืนตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงเพื่อเอื้อต่อการจัดการหลังการใช้งาน ซึ่งเมื่อผู้ผลิตและเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างปรับตัวแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผู้บริโภคอย่างเรา จะช่วยโลกด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพียงเริ่มต้นที่ตัวเองในการ“ใช้ให้คุ้ม แยกให้เป็น ทิ้งให้ถูก”เพื่อหมุนเวียนทรัพยากรและช่วยโลกลดปริมาณขยะพลาสติกออกสู่สิ่งแวดล้อมนั่นเอง

             ผู้สนใจสามารถติดตามเนื้อหาที่น่าสนใจอื่นๆ ของธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ได้ที่http://www.scgchemicals.com และสามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ของเอสซีจีได้ที่http://scgnewschannel.com / Facebook:scgnewschannel / Twitter:@scgnewschannel หรือLine@:@scgnewschannel