ลงทุนไม้สุดท้ายของปี ... เตรียมไว้ใช้ยามเกษียณ

ลงทุนไม้สุดท้ายของปี ... เตรียมไว้ใช้ยามเกษียณ

ไม้สุดท้ายแล้วสำหรับปี 2562 ใครยังไม่ได้วางแผนลงทุนหรือออมไว้ คงต้องเร่งมือกันสักหน่อย เพราะปีหน้า 2563 มีหลายอย่างที่หลักเกณฑ์เปลี่ยนแปลงไป เราจึงต้องเร่งวางแผนให้รอบคอบ เพราะการออมเพื่อยามเกษียณไม่ได้เกิดขึ้นได้เพียงแค่วันเดียว

สำหรับเดือนนี้ ผมขอเน้นให้การจัดสรรเงินไม้สุดท้ายของทุกปี เพื่อลงทุนในระยะยาว หรือเรียกอีกอย่างว่าการออมระยะยาว

นั่นคือลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF เพราะสองกองทุนดังกล่าวได้ออกแบบให้ผู้ลงทุนได้ออมและลงทุนเพื่อเตรียมเงินไว้ใช้ยามเกษียณพร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ต้องบอกว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กองทุนทั้งสองประเภทมีบทบาทสำคัญต่อการออมเงินของมนุษย์เงินเดือนทุกคน จุดเด่นของทั้งสองกองทุน คือ เรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี

สำหรับปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายของกองทุน LTF ที่ลงทุนและต้องถือครอง 7 ปีปฏิทิน หรือพูดง่ายๆ คือว่า LTF แบบเดิม จะไม่มีแบบนี้แล้วนะครับ ที่ผ่านมามีผู้ลงทุนถามผมเข้ามาเยอะมาก LTF แบบเดิมจบแล้วทำอย่างไรต่อไป จริงๆ แล้วแม้ว่ากองทุน LTF แบบเดิมจะจบในปีนี้ แต่กองทุน LTF ยังมีอยู่เหมือนเดิม และการไถ่ถอนก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือ 7 ปีปฏิทิน เพียงแต่ว่ากองแบบนี้ปีหน้าถ้าซื้อก็ไม่มีสิทธิทางภาษีเท่านั้นเองครับ

157560331128

ในช่วงที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับอนาคตของกองทุน LTF ไว้ว่าจะยังคงมีอยู่ เพียงแต่รูปแบบอาจจะเปลี่ยนไปโดยจะเน้นการออมหรือการลงทุนระยะยาว จะลงทุนในหุ้นประเภทใดก็ได้ โดยที่มีระยะเวลา 15 ปี และวงเงินเมื่อรวมกับ RMF ต้องไม่เกิน 5 แสนบาท และไม่เกิน ร้อยละ 30 ของรายได้

อย่างไรก็ดี ในเมื่อปีนี้จะสิ้นสุดสำหรับเกณฑ์การถือครอง 7 ปีปฎิทินของกองทุน LTF และผู้ลงทุนยังได้รับสิทธิลดหย่อนทางภาษี แต่หากลงทุนปีนี้ผู้ลงทุนยังมีโอกาสลงทุนในสิทธิประโยชน์แบบเดิม ดังนั้นในช่วงเดือนนี้ ผู้ลงทุนควรทยอยซื้อให้ครบตามสิทธิ์ที่ได้รับและผมไม่แนะนำให้จับจังหวะตลาด อีกทั้งด้วยระดับดัชนีประมาณ 1,600 จุด เป็นระดับที่น่าสนใจอยู่แล้ว ครับ

สำหรับกองทุน LTF ในมุมมองของผมนั้น ส่วนหนึ่งคือเครื่องมือช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดทุน เพราะจะเลือกการลงทุนที่เน้นมูลค่า โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง Under Value และหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงเมื่อเทียบกับราคาหุ้น Dividend Yield ทำให้ทุกครั้งที่ตลาดปรับตัวลดลงอย่างไม่มีเหตุผล หรือมาจากปัจจัยอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐาน ก็จะเป็นโอกาสในการลงทุนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว การเข้าซื้อจะทำให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพและราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงของหุ้นนั้นๆ ดังนั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมากองทุน LTF เป็นเครื่องมือสำหรับผู้ลงทุนระยะยาวที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี สร้างวินัยทางการออมระยะยาวได้ รวมถึงมีแรงซื้อจากกองทุน LTF ทุกครั้งในยามที่ทุกคนทิ้งตลาดหุ้น

ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทุนระยะยาว อย่าหมดหวังนะครับ ยังมีเครื่องมือลงทุนระยะยาวในแบบอื่นๆ ให้ทุกท่านได้สร้างวินัยทางการออม ยกตัวอย่างกองทุนคู่แฝดอย่าง กองทุน RMF ก็ยังคงมีอยู่ครับ

กอง RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นก็มีแนวทางการลงทุนแบบนี้เช่นเดียวกัน แต่อายุจะยาวกว่า อีกทั้งนโยบายลงทุนมีหลากหลายสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนมากกว่ากองทุน LTF แต่มีอายุการลงทุนที่ยาวจนถึงอายุ 55 ปี เหมาะสำหรับการออมที่เน้นการลงทุนแบบหลากหลายสินทรัพย์ (Multi-Asset) หรือเน้นการบริหารความเสี่ยงแบบกระจายสินทรัพย์ (Asset Allocation) โดยคาดหวังผลตอบแทนระยะยาว บนความเสี่ยงที่ยอมรับได้

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน RMF ผมแนะนำว่าควรเลือกลงทุนกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นอยู่ในพอร์ตเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาวที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าตราสารหนี้ ซึ่งปัจจุบันมีผลตอบแทนอยู่ในระดับที่ไม่สูงสำหรับผลตอบแทนในระยะยาว

157560279179

นอกจากนี้ยังมีกองทุนประกันสังคม และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องมือการลงทุนที่มีเป้าหมายในการออมและลงทุนเพื่อเตรียมเงินสำหรับวัยเกษียณ เพราะฉะนั้นอย่าละเลยที่จะลงทุนในวันนี้หรือในช่วงที่ทุกท่านยังมีรายได้ เพื่อเตรียมพร้อมในวันข้างหน้าที่เราจะไม่มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ หรือวัยเกษียณ

ดังนั้นอยากใช้ชีวิตอย่างไรในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า หน่วยงานภาครัฐมีเครื่องมือไว้ให้แล้ว เพียงแต่ทุกท่านต้องเริ่มลงทุนและมีวินัยออมเงินระยะยาวตั้งแต่วันนี้ครับ