'โออาร์' กางแผนนอนออยล์ รุก 'ซีแอลเอ็มวี' เพิ่มสาขา
“โออาร์” เปิดแผนปี2563 เตรียมรุกขยายธุรกิจนอนออยล์เจาะกลุ่ม“ซีแอลเอ็มวี” ลุยไอเดียจับมือแบรนด์ท้องถิ่นสปป.ลาว ทำมาสเตอร์แฟรนไชส์โปรดักใหม่ เร็วๆนี้ พร้อมจับ“คาเฟ่ อเมซอน” โตต่อในต่างประเทศหลังพบจีนตอบรับแพลตฟอร์มออนไลน์สูงเกินคาด
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ โออาร์ เปิดเผยว่า โออาร์ อยู่ระหว่างจัดทำแผนธุรกิจระยะ 5 ปี(ปี2563-2567) เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)บริษัท และบริษัทแม่ คือ บอร์ด ปตท. เห็นชอบในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อใช้ขับเคลื่อนธุรกิจในปีหน้า โดยเบื้องต้น ในส่วนของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non Oil) จะเห็นการส่งเสริมออกไปทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV เช่น ชานมไข่มุกเพิร์ลลี่ ที(Pearly Tea) จะเห็นการเปิดสาขาแรกในต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่สปป.ลาว
นอกจากนี้ ในสปป.ลาว โออาร์ ยังเตรียมจัดทำมาสเตอร์แฟรนไชส์ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ โดยเป็นการจับมือกับผู้ประกอบการท้องถิ่น และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อพัฒนาสินค้าร่วมกันซึ่งเป็นแบรนด์ท้องถิ่นของสปป.ลาว คาดว่า จะออกมาจำหน่ายได้ในเร็วๆนี้
“โดยหลักการแล้วสินค้าที่มีอยู่ เช่น ฮั่วเซ่งฮง และ เพิร์ลลี่ ที หากสภาพโลจิสติกส์ไปได้ก็จะขยายตลาดออกไปต่างประเทศ ส่วนร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ (Jiffy) ก็มีอยู่แล้วในกัมพูชา สปป.ลาว และฟิลิปปินส์ เราไม่ได้พัฒนาสินค้า Non oil เฉพาะในไทย เพราะปั๊ม “พีทีที สเตชั่น” เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ คนเข้ามาแล้วได้กิน ได้ดื่ม ได้พัก”
ส่วนร้านกาแฟ “คาเฟ่ อเมซอน” ก็มีแผนที่จะขยายสาขาในต่างประเทศมากขึ้น เช่น เวียดนาม ส่วนสาขาที่เพิ่งเปิดใหม่ในสถานีบริการ(ปั๊ม)น้ำมัน ซิโนเปค เมืองหนานหนิง มณฑลกว่างซี ประเทศจีน เมื่อเร็วๆนี้ ก็ถือว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดี โดยเฉพาะการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ ทำให้ยอดขายเฉลี่ยต่อวันสูงกว่าแผนที่ตั้งไว้ และปีหน้ามีแผนจะขยายสาขาเพิ่มเติมในจีน ขณะที่ยอดขายในแถบอาเซียน ก็เติบโตดี โดยยอดขายในกัมพูชา ถือว่าเป็นอันดับ 1 เฉลี่ยอยู่ที่ 400-500 แก้วต่อวัน รองลงมาคือ ลาว มียอดขายเฉลี่ย อยู่ที่ 300 แก้วต่อวัน และบางวันทะลุไปถึง 1,000 แก้ว
นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ โออาร์ กล่าวว่า ขณะนี้ โออาร์ได้เปิดให้สินค้า หรือร้านค้าท้องถิ่น เข้ามาจำหน่ายในสถานีบริการ(ปั๊ม)น้ำมัน “พีทีที สเตชั่น” มากขึ้น อาทิ ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย และอื่นๆ ถือว่า ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี โดยร้านค้าที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาจำหน่ายภายในสถานีบริการนั้น จะต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อย และราคาเหมาะสม ซึ่งหากร้านค้าใดมีคุณภาพเข้าข่ายมาตรฐานทีกำหนดไว้ และมีสนใจจะร่วมเปิดร้านก็สามารถติดต่อเข้ามาได้
ทั้งนี้ ก่อนนี้ โออาร์ ได้ประกาศเตรียมผลักดันกลยุทธ์แผนธุรกิจระยะ 5 ปี(ปี2563-2567) จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด (Inorganic growth) ซึ่งมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจNon Oil และธุรกิจต่างประเทศให้มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% และรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจน้ำมัน ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 70% โดยการเติบโตในอนาคต จะเน้นการตั้งบริษัทย่อย หรือร่วมทุนกับพันธมิตรในบริษัทต่าง ๆ ทั้งพันธมิตรในประเทศและพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อนำจุดแข็งของแต่ละกลุ่มมาใช้ร่วมกันเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง
ขณะที่ โออาร์ มีแผนขยายสถานีบริการน้ำมัน(ปั๊ม) ในต่างประเทศ เป็น 500 แห่งในปี 2566 จากปัจจุบัน มีอยู่กว่า 250 แห่ง แบ่งเป็น สปป.ลาว 50 แห่ง,กัมพูชา 60 แห่ง,ฟิลิปปินส์ 165 แห่ง และเมียนมาอยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 แห่ง ส่วนร้านกาแฟ อเมซอน ปัจจุบัน มีอยู่ราว 200 สาขาใน 9 ประเทศ ที่มีการเปิดสาขาไปแล้วทั้ง ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น โอมาน และจีน
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงแบรนด์(Rebranding) ร้าน Pearly Tea เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มที่ไม่บริโภคกาแฟ โดยจะเน้นการ Rebranding ร้านที่อยู่ในปั๊มน้ำมัน พีทีที สเตชั่น เป็นหลักเพื่อสร้างการจดจำตราสินค้า ก่อนจะขยายไปสู่ร้านค้านอกปั๊มต่อไป
ปัจจุบัน Pearly Tea มีสาขาอยู่ 25 แห่ง จุดแข็งของร้าน Pearly Tea คือ การลงทุนไม่สูง ราว 8 แสน ถึง 1.1 ล้านบาท และเป็นร้านขนาดเล็กกระทัดรัดประมาณ 30-60 ตารางเมตร แตกต่างจากเดิมที่ใช้อาศัยพื้นที่ของร้านจิฟฟี่จำหน่ายชานมไข่มุกเท่านั้น