TPIPP ลุ้นปี63 รายได้แตะ 1.3 หมื่นลบ.
TPIPP ตั้งเป้ารายได้ปี 63 ขยับแตะ 1.3 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่คาดได้ได้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท เหตุโรงไฟฟ้า TG8 เดินหน้าจ่ายไฟเต็มปี-เพิ่มการขายไฟให้บริษัทแม่ พร้อมยอมรับอีบิด้าอาจปรับตัวลดลง หากสัญญา Adder เริ่มหมดอายุตั้งแต่ปี 65
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่าคาดว่ารายได้ปี 2563 จะมีรายได้ประมาณ 13,500 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดจะทำได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า TG8 ขนาดกำลังการผลิต 150 เมกกะวัตต์ (MW) ที่จ่ายไฟเข้าสู่ระบบแบบเต็มปี ประกอบกับการขายไฟให้กับบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)หรือ TPIPL เพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทยังได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพและติดตั้งหม้อน้ำ (boiler)ใหม่ 3 ตัวให้กับโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ปี2563 และจะส่งผลทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตปรับเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 95% จากเดิมอยู่ระดับ 90%
ทั้งนี้ในส่วนของแผนลงทุนปีหน้า บริษัทยังสนใจร่วมลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดและโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard) ซึ่งคาดว่านโยบายดังกล่าวจะมีการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและโรงไฟฟ้า รวมถึงนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งในส่วนของบริษัทมีความสนใจที่จะเข้าลงทุนในโครงการท่าเรือน้ำลึกและโครงการโรงไฟฟ้า แต่อย่างไรก็ตามยังต้องรอความชัดเจนของนโยบายการลงทุนของรัฐบาลก่อนว่าได้ข้อสรุปการเปิดการประมูลออกมาเมื่อไหร่ รวมถึงบริษัทยังสนใจการไปเข้าประมูลโรงไฟฟ้าขยะขนาดกำลังการผลิต 100 MW ในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) อีกด้วย
ขณะที่ในสวนของกรณีโรงไฟฟ้าที่จะหมดอายุสัญญาส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) กับภาครัฐ โดยแบ่งเป็นกำลังการผลิต 80 MW จะหมด Adder ในช่วงปี 2565 และอีก 100 MW จะหมด Adder ในปี 2568 นั้น บริษัทยอมรับว่าอาจมีผลกระทบต่ออีบิด้าของบริษัทให้ปรับตัวลดลงบ้าง เนื่องจากปัจจุบันบริษัทได้สัญญาขายไฟบวก Adder ที่ราคา 3.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งประเด็นดังกล่าวปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนช่วงก่อนหมดสัญญา
“ตอนนี้บริษัทได้ขอเจรจากับภาครัฐเพื่อชดเชย Adder ที่จะหมดอายุแล้ว เช่น การขอจัดเก็บค่าจำกัดขยะ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการเรียกจัดเก็บ เนื่องจากได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าอยู่แล้ว ขณะเดียวกันจะเจรจาเพื่อขอเปลี่ยนการรับซื้อไฟฟ้าเป็นรูปแบบ FiT ซึ่งเบื้องต้นได้มีการเจรจากับภาครัฐแล้ว โดยคาดจะมีความชัดเจนในช่วงปี 2565”
นายภัคพล กล่าวต่อว่าขณะที่ปัจจุบันบริษัทสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในจังหวัดสงขลาและจังหวัดนครราชสีมา กำลังการผลิตแห่งละ 10 MW โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าอยู่ที่ 5.78 บาทต่อหน่วย เป็นระยะ 7 ปี และหลังจากนั้นจะมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าอยู่ที่ 5.08 บาทต่อหน่วย ภายในระยะเวลา 20 ปี พร้อมได้รับค่ากำจัดขยะ 400-500 บาทต่อตัน โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนด้านของการประกาศหลักกฎเกณฑ์ในการรับซื้อไฟฟ้าในช่วงต้นปี 2563
นอกจากนี้บริษัทยังได้ศึกษาเพื่อเตรียมเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประเภทอื่นๆ เช่นโซลาร์ฟาร์ม,โรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าชีวมวลตามแผน PDP 2018 ที่จะสนับสนุนโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น