ส.อ.ท.ปักธง 'อีอีซี' แผนยกระดับอุตฯการแพทย์
ส.อ.ท.จับมือกระทรวงสาธารณสุข ยกระดับคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ เครื่องสำอาง สมุนไพร ตั้งคณะกรรมการสางปัญหาทั้งระบบ หารือขอพื้นที่ 200 ไร่ อีอีซี ตั้งคลัสเตอร์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า ความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ เครื่องสำอาง และสมุนไพร ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะปรับบทบาทจากการที่ให้บริการทางการแพทย์อย่างเดียวไปสู่การสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้เติบโต และภาคเอกชนสามารถใช้เครื่องมือต่างๆของกระทรวงสาธารณสุขได้เต็มที่
“กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะปรับปรุงระบบการทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุมัติ อนุญาต ให้รวดเร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ และนโยบายเมดอินไทยแลนด์ ที่มุ่งให้เกิดการสร้างค่านิยมในการใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ ซึ่งประเทศไทยสามารถผลิตสินค้าได้ทุกชนิด มีคุณภาพที่ดี และมีราคาไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับต่างประเทศ”
โดยที่ผ่านมาตัวแทนของ ส.อ.ท. และกระทรวงสาธารณสุขได้หารือเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆไปแล้ว เช่น เรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผลิตภัณฑ์ของไทยก็จะลดลงมา เพื่อให้สินค้าไทยแข่งขันกับสินค้าต่างชาติได้มากขึ้น รวมทั้ง อย. จะปรับปรุงการทำงานให้มีความรวดเร็ว หากผู้ประกอบการได้รับการรับรองจากหน่วยงานชั้นนำจากต่างประเทศ ก็จะผ่านขั้นตอนต่างๆได้รวดเร็ว
ดึงเทคโนโลยีขับเคลื่อนนโยบาย
กระทรวงสาธารณสุขเน้นการขับเคลื่อนนโยบายที่สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชน เช่น การผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อส่งเสริมระบบสาธารณสุขของประเทศให้มีความยั่งยืน
การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน นอกเหนือจากเป็นการพัฒนาระบบสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพตามนโยบายของกระทรวงแล้ว ยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเข็มแข็ง พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 หน่วยงาน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจไทย ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม
โดย ส.อ.ท. ได้นำเสนอนโยบายไปยังกระทรวงสาธารณสุขร่วมผลักดัน นโยบาย Made in Thailand เน้นการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐโดยเฉพาะการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และสุขภาพจากผู้ผลิตไทย การสนับสนุนพัฒนามาตรฐานสินค้าไทยให้มีคุณภาพ และการส่งเสริมด้านการตลาด
“ส.อ.ท.ได้หารือกับ รมว.สาธารณสุข ในเรื่องของการจัดทำบัญชีนวัตกรรมที่ควรจะใส่รายชื่ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ไว้ในบัญชีนวัตกรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะนี้หากมีสินค้าไทยในบัญชีนวัตกรรมหน่วยงานภาครัฐจะต้องใช้สินค้าของไทยไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่ง ส.อ.ท. อยากให้เพิ่มสัดส่วนมากกว่านี้ แต่ติดปัญหาที่สินค้าทางการแพทย์บางชนิดมีผู้ผลิตคนไทยเพียงรายเดียว การเพิ่มสัดส่วนให้เกิน 30% จึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นจึงควรจะเพิ่มรายชื่อบริษัทคนไทยให้มากขึ้น”