ประยุทธ์ลั่น 'เรือเหล็ก' ไม่รั่ว ไม่เคยใช้ ม.44 ทำร้ายใคร
นายกฯ ลั่น "เรือเหล็ก" ไม่รั่ว ถ้าทุกคนช่วยแจว ไม่ใช่ช่วยเจาะ พร้อมย้ำเสถียรภาพบ้านเมืองสำคัญ ยันไม่เคยใช้ ม.44 ทำร้ายใคร
วันนี้ (17 ธ.ค.62) เวลา 18.00 น. ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน เครือเนชั่น เปิดเวทีแสดงวิสัยทัศน์เพื่อกำหนดทิศทางประเทศในงาน Nation Dinner Talk : "ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2020" พร้อมปาฐกถาพิเศษ "ขับเคลื่อนประเทศไทย 2020" โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยมีคณะรัฐมนตรีเข้าร่วม อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์, นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ รวมถึงผู้บริหารเอกชนเข้าร่วม
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ชื่นชมเนชั่น ผู้คนให้ความนิยมติดตามข่าวสารบ้านเมือง ผมเองก็ติดตาม รู้จักพิธีกรหลายคน ยินดีเป็นแฟนคลับ เพราะมีคนเข้าถึงช่องของท่าน ถึงตัดสินใจมาพูดวันนี้ โดยวันนี้รัฐบาลทำปัจจุบันเพื่ออนาคตจึงมีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นั่นคือกรอบการทำงานของเรา
ทำไมต้องมียุทธศาสตร์ชาติ บางคนบอกไม่มีประโยชน์ ไม่ตอบสนองประชาชน แต่นั่นคือกรอบกว้างๆ 6 ด้าน มีเป้าหมายระยะยาว นำสู่การกำหนดนโยบายการทำงาน เพื่อนำสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ถ้าไม่มีจะสะเปะสะปะไปเรื่อย ต่างคนต่างทำ
วันนี้หลายอย่างอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ไม่ใช่ง่าย ไม่ใช่คิดหรือประชุมวันเดียวแล้วทำได้ เพราะมีปัญหาหลายอย่าง แก้มาหลายรัฐบาล แต่ไม่เคยมียุทธศาสตร์ชาตินำสู่เป้าหมายได้เลย เราต้องนึกถึงลูกหลานจะอยู่กันอย่างไรต่อไป คงไม่มีใครไม่รักประเทศชาติ แต่ต้องรักให้ถูก รู้ว่าอะไรคือ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เรามีอัตลักษณ์ วัฒนธรรม นี่คือแผ่นดินไทย จะมาจากไหนไม่รู้
"มีการเปรียบเทียบรัฐบาลเป็นเรือเหล็ก เรือรั่วอะไรทำนองนี้ ยืนยันว่าไม่รั่ว ถ้าทุกคนช่วยกันแจวเรือ ไม่ใช่ช่วยกันเจาะ หากไม่ช่วย ก็ขออย่าเอาเท้าราน้ำ เรือลำนี้สามารถพาทุกคนเดินหน้าได้ ผมเป็นทหารเก่า จะเดินหน้าสู่ความสำเร็จต้องมีเป้าหมาย ต้องกำหนดพื้นที่เข้าตี ไม่ต่างจากการทำงานปัจจุบัน" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ประเทศเรามีคน มีรอยยิ้ม วัฒนธรรมงดงาม เป็นจุดขาย แต่ทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ ไม่ขัดแย้ง ถึงจะแก้ปัญหาได้ หลายอย่างมีบทเรียน ก็อย่าให้เกิดขึ้นอีก
- ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย
นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ทำงานมากพอสมควร หลายคนไม่ทราบ เพราะการนำเสนอไม่มีคุณภาพ นำเสนอแต่การตอบโต้ เรื่องที่เป็นทางการมากๆ ไม่อยากฟัง คนอ่านหนังสือน้อย ตัดสินใจเร็ว บนพื้นฐานข้อมูลไม่เพียงพอ จึงต้องสอนให้รู้จักคิดวิเคราะห์ ถึงจะวิจารณ์เรื่องต่างๆได้
ไม่เช่นนั้นก็พูดกันไปมา หาข้อยุติไม่ได้ ตนเป็นห่วง ตนฟังในโซเชียล ว่า พูดถึงอะไรกันนี่คือการฟังข้อมูลเป็นการเชื่อมต่อจากประชาชน หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ตนอ่านเอง หน้าหนึ่งตีทุกเล่ม ซึ่งจะกระทบเศรษฐกิจไปด้วย คนก็กลัวไม่กล้าใช้จ่าย ดังนั้นความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพบ้านเมืองเป็นเรื่องสำคัญ
พร้อมกันนี้ นายกฯ ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการทำโพลสำรวจความนิยมรัฐบาล ถามว่ารักนายกฯ หรือไม่ โพลอย่างนี้อย่าไปทำ ไม่ว่าใครจะรักหรือเกลียดเรื่องของเขา ตนเองไม่สนใจ
ตนรักประเทศของตน และต้องการทำประโยชน์ให้ประเทศ ตนไม่ได้ต้องการอำนาจและผลประโยชน์ ตนอยู่ในกองทัพมา40 ปี จะบ้าอำนาจไปถึงไหน อย่าไปมองว่าอำนาจเปลี่ยนมือ หรือรักษาอำนาจ จะม.44 หรือ ม.88 ตนไม่ได้ผลประโยชน์อะไรสักอย่าง แต่มีเป็นร้อยคดี ในฐานะหัวหน้าคสช. ซึ่งเป็นการใช้อำนาจแก้เรื่องติดขัด ไม่ได้เอาไปทำร้ายใคร
ทั้งนี้ ถ้าต้องการทำให้คนรักทั้งหมด ง่ายนิดเดียว ทำให้ผู้หญิงหรือภรรยารัก มันยาก แต่รักแล้วรักเลย ส่วนการรักลูกถ้าให้อย่างเดียวจะเกิดอะไรขึ้น การเป็นรัฐบาล ตนรู้ทุกคนอยากได้นู้นนี่ ขอให้ทำตามสัญญา ตนต้องตัดสินใจ จะให้มากหรือน้อยแค่ไหน ด้วยความเข้าใจ และสร้างความเข้มแข็งไปด้วยกัน
"คนไทยชอบอะไรสบายๆ ไม่ชอบกฎระเบียบมาบังคับ บอกมีรัฐธรรมนูญฉบับเดียวพอ แล้วกฎหมายลูกหลายฉบับไปอยู่ไหน รัฐธรรมนูญคือรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูกก็เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ อย่าไปทะเลาะเรื่องรัฐธรรมนูญให้มากนัก" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้เรามีโอกาสอยู่ ถ้าไม่ถอยหลังมาที่เก่า ต่างประเทศก็บอกแบบนี้ เพราะเขามีไม่เท่าเรา ดังนั้น อย่าทำโอกาสให้เป็นวิกฤติ โชคดีการท่องเที่ยววันนี้ไม่ถดถอย เราต้องไว้เนื้อเชื่อใจกัน ถ้าช่วยกันขับเคลื่อนก็ไปได้หมด ตนว่ายังมีคนมีเงินพอสมควร ไม่ได้แย่ไปหมด ทำไมต้องทะเลาะต่อสู้กัน มันไม่ใช่เวลา
อย่างไรก็ตาม งบประมาณ ปี 63 เสร็จต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนมีการโปรดเกล้าฯ ถึงจะใช้งบได้เต็มที่ แต่บางโครงการไม่พร้อมเพราะประชาชนไม่ยอมให้เวรคืน ซึ่งถ.พระราม2 ที่ซ่อมทั้งปีทั้งชาติไม่เสร็จสักที รวมถึงการก่อสร้างสภาฯ ที่มีความล่าช้าเกิดมาตั้งแต่สมัยไหน ทำอะไรกันมา ระบบต่างๆ ไม่ได้ทำไว้ มาทำทีหลัง รวมถึงเรื่องสารเคมีทางการเกษตร ไม่ว่าจะเลิกหรือใช้ต่อ มีคนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น ไม่ใช่ไปลงถนนเต็มไปหมด อย่าสร้างปัญหาให้ตนมากนักเลย หลายคนห่วงสุขภาพตน ไม่เป็นไร เพื่อชาติอยู่แล้ว ไม่ได้บ่น เดี๋ยวหาว่าน้อยใจ ใจน้อยรบไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าตนทำไม่ดีท่านก็ด่าตนอีก
"พูดได้เต็มปาก ผมไม่เคยเรียกร้องอะไรใคร ผมพอแล้ว จะกินอะไรนักหนา หูฉลามในงานมีหรือเปล่า ทุกอย่างถูกจับตามอง เน็กไทแพงก็ไม่ได้ ต้องปอนๆ ผมว่าผมก็หล่อพอสมควร สรุปวันหน้าไปต่างประเทศใช้ผ้าขาวม้าอย่างเดียวมันไม่ใช่ วันนี้ผมพูดจากใจแบบนักปฏิบัติที่เผชิญปัญหาทุกวัน" นายกฯ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายกฯ ได้กล่าวถามผู้ร่วมงานว่า ผิดหวังหรือไม่ที่ตนมาวันนี้.. ไม่มีเสียงหัวเราะเลย แต่ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ตน