มือปราบคดีเสือดำ “วิเชียร” แจ้งย้ายตัวเองออกจาก “ทุ่งใหญ่”
เผย ป่วยเป็นริดสีดวงทวารขั้นหนัก และต้องดูแลครอบครัว
หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก วิเชียร ชิณวงษ์ เปิดแถลงข่าวชี้แจงการแจ้งความประสงค์ย้ายตนเองออกจากพื้นที่รับผิดชอบ เขตรักษาพันธุ์สัตวป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ที่กำลังมีคดีความล่าสัตว์ป่า โดยมีผู้ต้องหาคือประธานบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างสู้คดีในชั้นศาฎีกา เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่าได้รับแรงกดดันจากคดี
โดยหัวหน้าวิเชียร กล่าวว่า การทำงานในวันใดวันหนึ่งก็มีการโยกย้าย เป็นเรื่องปกติ ซึ่งตนได้แจ้งความประสงค์ย้ายมายังนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ มาระยะหนึ่งแล้ว แต่เนื่องจากงานยังไม่ลงตัวรวมทั้งคดีความเรื่องเสือดำ ซึ่งขณะนี้คดีเสือดำ ศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้ว จึงอยากเรียนว่า ตนไม่ได้รับแรงกดดันใดๆ จากคดีเสือดำใดๆ ทั้งสิ้น และหากจะมี ทางผู้บังคับบัญชาก็ดูแลและพร้อมจะเผชิญแรงกดดันไปด้วยกันไม่เคยทอดทิ้ง ไม่อยากให้หลายคนจินตนาการ เป็นกระแสในโซเชียลว่าเกิดจากแรงกดดัน
“ขอยืนยันว่าไม่มีแรงกดดันใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้ทุกคนสบายใจได้” หัวหน้าวิเชียรกล่าว
โดยหัวหน้าวิเชียรเปิดเผยว่า ตนมีโรคประจำตัวคือ ริดสีดวงทวารนานกว่าปี และกำลังกำเริบจนถึงขั้นอาจต้องได้รับการผ่าตัดในเร็วๆนี้ การทำงานในป่า จึงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก อีกทั้งห่างไกลจากการเข้ารับการรักษาตัว
นอกจากนี้ ตนยังมีครอบครัว ซึ่งมีลูกชายอายุได้ประมาณ 11 เดือนแล้ว แต่ตนอยู่ไกลจากบ้านเกือบพันกิโลเมตร จึงรู้สึกว่าเอาเปรียบภรรยาที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เลยอยากดูแลครอบครัวมากขึ้น
เบื้องต้น ตนได้ขอย้ายมาประจำทางภาคอีสานใกล้ครอบครัว ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่าจะอนุมัติหรือไม่อย่างไร
ทางด้าน ผอ.สมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานฯ กล่าวว่า หัวหน้าวิเชียรทำงานอย่างหนักและตั้งใจ แต่มีสาเหตุหลักจำเป็นต้องขอย้ายออกจากพื้นที่ในเรื่องสุขภาพ และอยากดูแลครอบครัวซึ่งอยู่ในจ.ศรีสะเกษ ซึ่งการขอย้ายมหากเราไม่ชี้แจงต่อสังคม เกรงว่าจะเกิดการเข้าใจผิดว่าถูกกดดันในพื้นที่
สิ่งสำคัญของกรมคือ เราต้องดูแลเจ้าหน้าที่ ส่วนเรื่องคดีความ ก็ยังจำเป็นต้องขึ้นศาลกัน แต่ก็อยู่ในขั้นศาลอุทธรณ์แล้ว ความกังวลเรื่องของคดีความก็ถือว่าจบแล้ว
ผอ.สมโภชน์ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญคือ การรักษาสุขภาพคนของเราก่อนให้ดีก่อน รักษาให้กลับมาดีก่อน แล้วถึงจะกลับมาออกรบอีกครั้ง
ผอ.สมโภชน์กล่าวถึงคดีเสือดำว่า วันนี้ กรมไม่ได้เป็นห่วงว่าหัวหน้าเขตฯ ถูกกดดัน โดยกล่าวว่า กรมนี้เข้มแข็งพอที่จะต่อสู้กับทุกเรื่อง ความกดดันเรื่องคดีคุณเปรมชัยไม่ได้เป็นปัญหา
“ยังไงเสือก็ต้องเข้าป่า ยังไงก็ต้องส่งเค้าลงสนามแน่ๆ แต่ตอนนี้ขอรักษาเสือตัวนี้ให้ดีก่อน” ผอ. สมโภชน์กล่าว
เบื้องต้น กรมจะพิจารณาย้ายหัวหน้าวิเชียรไปอยู่ในพื้นที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี) ตามที่แจ้งความประสงค์ไว้าว่าขอเป็นทางภาคอีสาน
โฆษกกรมอุทยานฯ กล่าวอีกว่า ประเด็นต่อไปคือ จะให้ใครมาย้ายแทนหัวหน้าวิเชียร เพราะพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ มีความสำคัญมาก ทั้งเรื่องสัตว์ป่า โดยเฉพาะเสือโคร่งที่เพิ่มมากขึ้น บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า และการบริหารจัดการคนอยู่กับป่าให้มีประสิทธิภาพ
แต่เนื่องจากกรมอุทยานฯ มีบุคลากรไม่มาก จำเป็นต้องคัดสรรบุคลากรที่มาดูแลในพื้นที่นี้ ซึ่งต้องคัดคนมีประสบการณ์เพื่อทำงานให้ดีและเหมาะสมที่สุด, ผอ. สมโภชน์กล่าว
ด้านประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ศศิน เฉลิมลาภ ซึ่งสนับสนุนงานอนุรักษ์ป่าและติดตามคดีเสือดำอย่างใกล้ชิด ได้โพสต์เฟสบุ๊คให้กำลังใจหัวหน้าวิเชียร โดยกล่าวว่า เชื่อว่า ที่ผ่านมา หัวหน้าวิเชียรทำงานเต็มที่แล้ว และจะต่อสู้เพื่อรักษาป่าไม้และสัตว์ป่าต่อไป
เชตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของประเทศ ทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ซึ่งหัวหน้าวิเชียรได้ย้ายมาประจำในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา ก่อนจะเกิดการลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่าในระหว่างการแคมปิ้ง รวมทั้งเสือดำซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมและความกังวลว่าคดีความอาจมีแรงกดดัน
ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ตัดสินเพิ่มโทษนายเปรมชัย กรรณสูตและพวก โดยนายเปรมชัยถูกจำคุกเพิ่ม จาก 16 เดือน เป็น สองปี 14 เดือน ส่วนหนึ่ง มาจากความพยายามในการหาพยานหลักฐานแวดล้อมในพื้นที่เพื่ออุทธรณ์ของเจ้าหน้าที่เขตฯ ทีมพญาเสือ กรมอุทยานฯ และคณะทำงานอัยการภาค 7