ทำนาย '10 หุ้นเด็ด' ต้องมีปี 63 เน้นกลุ่มได้ประโยชน์ศก.โลกฟื้น
โบรกเกอร์ เฟ้นหุ้นเด่นน่าลงทุนปี 63 "กสิกร-โนมูระ" ประเมินเศรษฐกิจโลกฟื้น เชียร์ลงทุนหุ้นได้อานิสงส์ ขณะ "ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี" แนะลุยหุ้นสตอรี่ดี มีอัพไซด์ด้านราคา กำไรโตสูง ด้าน "เมย์แบงก์ กิมเอ็ง" เน้นคัดจากผลดำเนินงาน
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระพัฒนสิน จำกัด กล่าวว่า บริษัทประเมินว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2563 จะมีการฟื้นตัว จึงแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจโลก โดยหุ้นที่แนะนำ คือ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร( CPF) แล บมจ. น้ำมันพืชไทย (TVO) เนื่องจากยอดขายปรับตัวดีขึ้น ตามความต้องการซื้อของโลก(โกลบอลดีมานด์)
นอกจากนี้ จำนวนประชากรในเอเชียที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง และสภาพภูมิอากาศของโลกมีความแปรปรวน ส่งผลให้ราคาอาหาร ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น หมู ไก่ และพืชโปรตีนฯลฯ คาดกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน CPF โต 30% จากปีนี้ เพราะ ปีที่ผ่านมามีรายได้พิเศษหลายรายการ แต่หากพิจารณากำไรการดำเนินงานโต 30 % ส่วนกำไรสุทธิโต 10 % เพราะ ปี2562 มีรายการพิเศษหลายรายการ โดย ให้ราคาเหมาะสมที่ 34.5 บาทต่อหุ้น ส่วน TVO คาดกำไรสุทธิโต 22.5 % ให้ราคาเหมาะสมที่ 30 บาทต่อหุ้น
นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2563 มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่เริ่มคลายแรงกดดัน ธีมการลงทุนปี 2563 จึงแนะนำซื้อหุ้นที่มีการเติบโตอิงเศรษฐกิจโลก โดยหุ้นแนะนำ คือ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท จากปี 2562 คาดอยู่ที่ 1.39 หมื่นล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่ดีขึ้น
ขณะที่เกณฑ์ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO)จะมีผลบังคับใช้ ที่ทำให้เรือเดินทะเลลดการใช้น้ำมันเตาที่มีกำมะถันสูง ซึ่ง PTTGC เป็นโรงกลั่น1 ใน 3 ที่สามารถผลิต น้ำมันเตาที่มีสัดส่วนกำมะถันต่ำ (low sulfur fuel oil หรือ LSFO) ได้โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม โดยจะเพิ่มผลิตได้หลังจากที่มีการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่เมื่อไตรมาส4ที่ผ่านมา และอัตรากำลังการผลิต PX ที่สูงขึ้นจากการปรับปรุงโรงกลั่นอะโรเมติกส์ 2 รวมถึงราคาหุ้นในปี 2562 ปรับตัวลดลงมาอยู่ระดับต่ำ โดยให้ราคาเหมาะสมปีหน้า ที่ 64 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีอัพไซด์ ได้ ประมาณ 15 % จึงแนะนำซื้อ ส่วนอีกบริษัทแนะนำ บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP ) เนื่องจาก ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่มีการซื้อกิจการที่ผ่านมา โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 137 บาทต่อหุ้น
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ธีมการลงทุนหุ้นปี 2563 ควรเน้นลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยหนุน(สตอรี่) มีกำไรสุทธิเติบโต และราคาหุ้นมีอัพไซด์ แนะนำ ซื้อ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป ( CBG) เพราะ คาดกำไรสุทธิ โต28%อยู่ที่ 3,220 ล้านบาท เนื่องจาก ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดไปในประเทศ CLMV และยอดขายที่ อังกฤษ และจีนปรับตัวดีขึ้น และอัตรากำไรสุทธิ (เน็ตมาร์จิน) เพิ่มขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายที่ลดลง จากที่ได้มีการสร้างโรงงานผลิตกระป๋อง ทำให้ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ต่ำลง ให้ราคาเหมาะสม113 บาท ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ ประมาณ 20 %
อีกบริษัทที่แนะนำ คือ บมจ.ท่าอากาศยานไทย ( AOT ) ซึ่งในปี2563 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดนักท่องเที่ยวเติบโต5 % และมีปัจจัยบวกที่จะมีการเปิดประมูลงานให้สิทธิประกอบกิจการให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร ( duty free pick up counter)ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ที่จะเปิดประมูลปีหน้า ทำให้มีส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้น การขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส2 ทำให้น่าสนใจลงทุนระยะยาว และในอนาคตจะมีการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก ( PSC)เพิ่ม คาดกำไรสุทธิ ปี63โต 7.3% อยู่ที่ 26,992 ล้านบาท โดยให้ราคาเป้าหมาย 89 บาทต่อหุ้น และราคาหุ้นยังมีอัพไซด์20 %
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ MBKET กล่าวว่า หุ้นแนะนำลงทุนปี2563 เน้นเลือกหุ้นที่คาดผลดำเนินการงานปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เนื่องจาก จำนวนผู้โดยสารมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายช่วงปลายปี2562 ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี2563 และยังมีปัจจัยบวกหนุนราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก 3 บาทต่อหุ้น เมื่อมีการต่อสัมปทานทางด่วนที่จะหมดสัญญาสัมปทานในเดือน ก.พ.2563 โดยให้ราคาเหมาะสมปี2563 ที่ 12 บาท ต่อหุ้น
อีกบริษัท คือ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เพราะ กำไรเติบโตอย่างยั่งยืน ปีละ10 % และ CPN ได้มีการขยายไปทำธุรกิจพัฒนาคอนโด ซึ่งปี 2562 มีการโอนที่ดี และยังดีต่อเนื่องถึงปี 2563 รวมถึงจะมีการรับรู้รายได้เต็มปีจากศูนย์การค้า เช่น ที่มาเลเซีย เซ็นทรัลวิลเลจ ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจนมีค่า P/E อยู่ 20 เท่า ซึ่งถือว่าถูก สำหรับหุ้นขนาดใหญ่อย่าง CPN จึงทำให้มีความน่าสนใจลงทุน โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 87 บาทต่อหุ้น
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่าหุ้นที่บริษัทแนะนำ คือ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เพราะ หุ้นที่มีความผันผวนของกำไรต่ำ และจะมีการรับรู้รายได้ดีขึ้น หลังจากที่ผ่านมามีการลงทุนในการขยายธุรกิจจำนวนมากเช่นโครงการwellness ขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยคาดกำไรจากการดำเนินงานปี2563โต12% อยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท จากปี2562 ที่คาดมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 9.6 พันล้านบาท ประกอบกับเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงระดับ 5-6 % ให้ราคาเหมาะสมที่ 28 บาทต่อหุ้น
ส่วนอีกบริษัทแนะนำ บมจ.ศุภาลัย (SPALI ) จากผลการดำเนินงานเติบโต จากที่มีการกระจายการพัฒนาอสังหาทั้งแนวราบและแนวสูง โดยคาดกำไรสุทธิ โต 8% อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท จากปี 2562 คาดอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท และราคาหุ้นปรับตัวลดลงอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงมีการจ่ายเงินปันผลที่สูง ถึง5 % ซึ่งให้ราคาเหมาะสมที่ 20 บาทต่อหุ้น