'หุ้นไทย' เปิดศักราชพุ่ง 16 จุด อานิสงส์แจนยัวรี่เอฟเฟ็ก-ดีลการค้าโลกคืบ

'หุ้นไทย' เปิดศักราชพุ่ง 16 จุด อานิสงส์แจนยัวรี่เอฟเฟ็ก-ดีลการค้าโลกคืบ

หุ้นไทยเปิดศักราชใหม่ปี 62 พุ่งเฉียด 16 จุด หรือ 1.01% ขณะ “สถาบัน” ซื้อสุทธิ 5.1 พันล้าน บล.เอเซียพลัส ชี้อานิสงส์จากดีลข้อตกลงการค้าที่เตรียมเซ็นสัญญากัน 15 ม.ค.นี้ ทั้งยังได้แรงหนุนจาก “แจนยัวรี่เอฟเฟ็ก” ด้าน บล.ทรีนีนี้ โชว์สถิติหุ้นไทยเดือนม.ค.พ

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้(2ม.ค.) ซึ่งเป็นวันทำการแรกของปี 2563 โดยดัชนีปรับเพิ่มขึ้น 15.98 หรือ 1.01% มาปิดที่ระดับ 1,595.82 มูลค่าการซื้อขายรวม 54,495 ล้านบาท การปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่มีความชัดเจนในเชิงบวกมากขึ้น ขณะเดียวกันอาจเป็นผลจากปรากฎการณ์ January effect ด้วย

ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 5,107.59 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 682.72 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 26.20 ล้านบาท และ นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 4,398.67 ล้านบาท

    นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวย และหัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นดีกว่าที่คาด เนื่องจากตอบรับข่าวการเจรจาการค้าที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 ม.ค.นี้ และยังได้ปัจจัยหนุนจากการเกิด January effect เพราะ ในช่วงต้นปี นักลงทุนมองภาพเศรษฐกิจในเชิงบวก จึงทำให้ เกิดมีแรงซื้อเข้ามา แต่เชื่อว่าจะไม่ได้มากนัก เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจเติบโตไม่ถึง 3% 

ขณะที่อัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) โต ในระดับที่ต่ำ โดยดัชนีฯปรับตัวขึ้นแรงเข้าใกล้ 1,600 จุด ซึ่งอาจมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยมองแนวรับที่ระดับ 1,580 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,600 จุด

สำหรับภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือนม.ค. นี้ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นมอง แนวต้านที่ 1,620 จุด โดยมี ปัจจัยหนุนสำคัญเรื่องการเจรจากการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ปัจจัยการเมืองในประเทศที่มีความร้อนแรงขึ้น จะกดดันทิศทางลงทุน และ มีความกังวลเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลทำให้เม็ดเงินต่างชาติ ชะลอลงทุน จากมีโอกาสที่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่่ยน ทำให้มองแนวรับที่ระดับ 1,580 จุด

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับเพิ่มขึ้นถือว่าเป็นไปตามที่ประเมินไว้ โดยบริษัทคาดว่าดัชนีหุ้นไทยเดือนม.ค.ปีนี้ จะปรับขึ้นเหมือนกับช่วง4-5 ปีที่ผ่านมา ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกมาตลอด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.6% ขณะเดียวกันยังมีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันเข้ามา เพราะทุกต้นปีจะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น จากกองทุนขนาดใหญ่ทั้ง ประกันสังคม กบข. และ บริษัทประกัน จึงเห็นได้จากตั้งแต่ปี 2555 นักลงทุนสถาบันในประเทศมียอดซื้อสุทธิในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นช่วงที่สถาบันมีการซื้อหุ้น มากกว่า การเกิด January effect

ประกอบกับปีนี้ ไม่มีแรงกดดันกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ไม่มีครบกำหนดไถ่ถอนในปีนี้จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุน ส่วนปัจจัยเทรดวอร์ที่ผ่อนคลายนั้น ถือว่าเป็นปัจจัยบวกหนุน ทำให้นักลงทุนคลายกังวล โดยมองกรอบดัชนีวันนี้ คาดว่าจะไซด์เวย์ จากที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง โดยมองแนวรับที่ระดับ 1,580 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,600 จุด

ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือเรื่องค่าเงินบาท ที่คาดว่ามีโอกาสที่จะหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์ได้อีก ในปีนี้ ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออก และการท่องเที่ยว รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศเรื่องการพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่

157797712315

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวขึ้นโดดเด่นใกล้เคียงกับตลาดหุ้นจีน และ อินเดีย ซึ่งได้รับแรงหนุนจากเทรดวอร์ที่สหรัฐกับจีนจะมีการลงนามกันในวันที่ 15 ม.ค.นี้ หนุน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว รวมถึง ธนาคารกลางจีนที่จะสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน( RRR) ลง 0.5% หนุนเม็ดเงินสภาพคล่องเพิ่มเข้ามาระบบ ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนหน เม็ดเงินสภาพคล่องโลกเพิ่มขึ้นทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น