เปิดรายการเพิ่ม-ลด ร่างพ.ร.บ.งบฯ63
เปิดรายการเพิ่ม-ลด ร่างพ.ร.บ.งบฯ63 "กห.-สธ.-อุดม-เกษตรฯ-ศธ." ปรับลดสูงสุด เติมให้ ก.แรงงาน 6.7 หมื่นล้าน-รัฐสภา 1.2 พันล้าน "ศาล" 850 ล้าน เตรียมพิจารณา 2 วัน
เมื่อวันที่ 2 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงรายงานการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งกมธ.ฯ ที่มีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกมธ.ฯ ได้พิจารณาแล้วเสร็จ และเตรียมเสนอให้ที่ประชุมกมธ.ฯ พิจารณาวาระสองและวาระสาม วันที่ 8-9 มกราคมนี้ ว่า มีเนื้อหาสรุปของการปรับลดงงบประมาณ โดยภาพรวม จากวงเงินที่ตั้งไว้ 3.2 ล้านล้านบาท กมธ.ฯ มีมติปรับลดงบจากหน่วยงานต่างๆ รวม 16,231 ล้านบาท และได้จัดสรรคืนให้กับส่วนราชการที่ครณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอตามความจำเป็น รวม 13,177ล้านบาท และจัดสรรให้หน่วยงานของรัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญและองค์กรอัยการ รวม 3,053 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีรายละเอียดงบประมาณ ที่กมธ. ปรับลด และเพิ่มงบประมาณรายจ่ายบางรายการ ที่น่าสนใจ ได้แก่ รายการปรับลด 26 หน่วยงาน โดยมี 19 กระทรวงที่ถูกปรับลดงบประมาณ ยอดรวมปรับลด 11,116 ล้านบาท โดยกระทรวงที่ถูกปรับลดงบประมาณ สูงสุด 5 อันดับ คือ กระทรวงกลาโหม ปรับลด 1,518 ล้านบาท โดยรายละเอียดเป็นการลดทอนงบประมาณที่เสนอจัดสรรตามโครงการและยุทธศาสตร์บางรายการเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามในส่วนของกองทัพเรือ
ส่วนของโครงการวิจัยและพัฒนาสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็ก วงเงิน 6.9แสนบาทนั้น ถูกปรับลดงบประมาณลงทั้งก้อน, กระทรวงสาธารณสุข ปรับลด1,318 ล้านบาท,กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ปรับลด 1,147 ล้านบาท, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปรับลด 933 ล้านบาท, กระทรวงศึกษาธิการ ปรับลด 909 ล้านบาท ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถูกปรับลดงบประมาณ รวม 924 ล้านบาท
ขณะที่การปรับลดตามแผนบูรณาการด้านต่างๆ มียอดปรับลดรวม 5,064 ล้านบาท โดยแผนบูรณาการที่ปรับลดสูงสุด 3 อันดับ คือ แผนบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ปรับลด 2,014 ล้านบาท, แผนบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปรับลด 972 ล้านบาท และแผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปร้บลด 634 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานถึง รายการเพิ่ม จำนวน 16,231 ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงแรงงาน ได้รับงบเพิ่มขึ้น 11,240 ล้านบาท รวมเป็นงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 67,735 ล้านบาท ซึ่งจัดสรรให้กับสำนักงานประกันสังคมทั้งหมด เพื่อใช้เป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ส่วนของการสมทบกองทุนประกันสังคมในการคุ้มครองลูกจ้างในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป, หน่วยงานของรัฐสภา ได้รับงบเพิ่มขึ้น 1,237 ล้านบาท จากเดิมที่ได้รับ 4,209 ล้านบาท แบ่งเป็นจัดสรรให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา รวม 88 ล้านบาท เพื่อใช้สนับสนุนงานด้านนิติบัญญัติ อาทิ พัฒนาองค์กรให้มีศักยภาพด้านองค์ความรู้ข้อมูล จำนวน 2.8 ล้านบาท, เพื่อสนับสนุนงานกมธ.ฯ จำนวน 82 ล้านบาท, เพื่อกลั่นกรองกฎหมายและควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน จำนวน 2.9 ล้านบาท และจัดสรรให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ รวม 1,149 ล้านบาท
แบ่งเป็นเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งเป็นรายการผุกผันทั้งสิ้น 7 รายการ จำนวน 831 ล้านบาท อาทิ ค่าควบคุมงาน, งานสาธารณูปโภคและสาธารณูปการและงานประกอบอาคาร, ค่าจ้างควบคุมงานด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ, งานด้านสายสัญญาณ, งบเพิ่มเพื่อสนับสนุนกระบวนการนิติบัญญัติเชิงรุก จำนวน 79 ล้านบาท, งบเพิ่มเพื่อประชาสัมพันธ์พัฒนาระบบประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน จำนวน 48 ล้านบาท, งบเพิ่มภารกิจด้านการต่างประเทศ จำนวน 100 ล้านบาท, งบเพิ่มส่วนของการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินและกมธ.ฯ จำนวน 89 ล้านบาท
ขณะที่หน่วยงานของศาล ได้รับงบเพิ่มขึ้น 850 ล้านบาท จากเดิมที่ได้รับ 14,005ล้านบาท แบ่งเป็นของศาลปกครอง จำนวน 34 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่าครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้าง, ศาลยุติธรรม ได้งบเพิ่ม 803 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่าครุภัณฑ์และส่ิงก่อสร้างซึ่งเป็นรายการผูกพัน 6 ราายการ อาทิ อาทิ อาคารที่ทำการศาลพระประแดง พร้อมบ้านพัก, ศาลแรงงานกลาง เขตบางรัก, ศาลรัฐธรรมนูญ ได้งบเพิ่ม 12 ล้านบาท เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมความร่วมมือ การแลกเปลี่ยน และพัฒนาองค์ความรู้กับต่างประเทศ, หน่วยงานขององค์กรอิสระและองค์กรอัยการ ได้รับงบเพิ่ม 638 ล้านบาท จากเดิมที่ได้รับ 1,838 ล้านบาท จำนวน 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน, ผู้ตรวจการแผ่นดิน, สำนักงานอัยการสูงสุด โดยเพิ่มในรายการตามแผนการบริหารจัดการและพัฒนาภาครัฐ, แผนงานบุคลากรภาครัฐ ได้รับงบเพิ่ม 282 ล้านบาท และทุนหมุนเวียน ได้ร้บงบเพิ่ม 1,937 ล้านบาท ที่จัดสรรให้เฉพาาะกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับรายการงบประมาณที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นการโยกงบประมาณเพื่อใช้ในโครงการ มีเพียง 1 โครงการ คือ ส่วนของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถูกปรับลดงบประมาณ สูงสุด ถึง 27 ล้านบาท ส่วนการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมทั้งหมด ไปให้กับส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกฯ กระทรวง หรือ ทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกฯ ทั้งก้อน และย้ายโครงการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมมาอยู่ภายใต้การกำกับของส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกฯด้วย สำหรับการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฯในวาระสอง นั้นกมธ.ฯ จำนวน 25 คนที่สงวนความเห็นและมีส.ส.ที่สงวนคำแปรญัตติทั้งสิ้น 146 คน