ร้องฉ้อโกง 'ออมทองคำแท่ง' ปิดบริษัทหนี-เสียหาย 845 ล้าน
กลุ่มผู้เสียหาย 165 ราย ร้อง ปปง. เอาผิด บ.ออสสิริส สัตหีบ โกลด์ แอนด์ ฟิวเจอร์ เผยลงทุนซื้อขายทองคำแท่ง ได้แค่ใบเสร็จ อัดโปรจูงใจลูกค้า ล่าสุดปิดหนี เผยเสียหายกว่า 845 ล้านบาท ขณะที่ประธานออสสิริส กรุ๊ป ยันไม่เกี่ยวข้อง ก.ล.ต.ชี้ไม่อยู่ในอำนาจดูแล
ขณะที่นายกสมาคมค้าทองคำ หวั่นกระทบลงทุน เสนอรัฐตั้งกฎดูแลการซื้อขาย หลังพบถูกหลอกลวงบ่อย
วานนี้ (2 ธ.ค.) กลุ่มผู้เสียหายจากการลงทุนซื้อขายทองคำแท่ง หรือซื้อออมทองคำแท่ง แบบฝากทองไว้กับบริษัท ออสสิริส สัตหีบ โกลด์ แอนด์ ฟิวเจอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการ 3 สาขา ได้แก่ สาขาสัตหีบ สาขาพัทยา และสาขาระยอง จำนวน 165 คน เดินทางเข้าร้องเรียน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยมี ร.ต.อ.ไพรัตน์ เทศพานิช เลขานุการกรมสำนักงาน ปปง.รับเรื่องและหลักฐาน พร้อมยืนยันว่าจะติดตามสอบสวนคดีดังกล่าวให้รวดเร็วที่สุด เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชน
ขณะที่ น.ส.ดารณี ปรียาพันธ์ หนึ่งในผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่า บริษัท ออสสิริส สัตหีบ ดำเนินธุรกรรมซื้อทองคำแท่งแบบออมทองคำสะสม ผู้ซื้อจะได้รับเพียงใบเสร็จการซื้อ ไม่ได้รับทองคำจริง โดยทางบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขายทองคำในรูปแบบดังกล่าวไปลงทุน และมักออกโปรโมชั่นมา เพื่อจูงใจให้ประชาชนร่วมลงทุน
โดยบริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจมากว่า 10 ปี ซึ่งไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ในช่วง 2-3 ปีหลัง จะออกโปรโมชั่นจูงใจ เพื่อไม่ให้ประชาชนที่ร่วมลงทุนซื้อทอง นำทองจริงออกมา ซึ่งเกิดความผิดปกติ จนกระทั่งปิดทำการตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.2562 ที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ และไม่สามารถติตต่อผู้บริหารของบริษัทได้
จากการรวบรวมมูลค่าความเสียหายถึงปัจจุบัน จากกลุ่มผู้เสียหายที่ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้บริหารของบริษัท ประกอบด้วย นางรัตนา ภูวรัตนกุล นายพรพจน์ ภูวิรัตนกุล และพวก โดยเบื้องต้นได้รวบรวมผู้เสียหายที่ติดต่อกันได้ จำนวน 165 ราย มีมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น รวมกว่า 845 ล้านบาท
ด้านนายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ออสสิริส กรุ๊ป ได้ชี้แจงกรณีปัญหาที่เกิดกับนักลงทุนทอง ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัท ออสสิริส สัตหีบ โกลด์ แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ในเขตชลบุรี สัตหีบ และระยองว่า บริษัทดังกล่าวอยู่ในฐานะร้านทองค้าปลีก ไม่ได้เป็นตัวแทน ไม่ได้เป็นสาขา หรือบริษัทในเครือแต่อย่างใด จึงขอยืนยันว่าบริษัทไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น ในด้านการบริหารงาน การดำเนินธุรกิจ หรือกระทั่งการเป็นหุ้นส่วนของ บริษัท ออสสิริส สัตหีบ โกลด์ แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด
นางจารุพรรณ อินทรรุ่ง ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. เพราะความผิดที่เกิดขึ้น เกิดจากการซื้อขายทองคำหรือออมทอง ไม่ได้เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ ก.ล.ต.กำกับดูแล
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าบริษัทดังกล่าว ดำเนินการซื้อขายทองคำ ซึ่งในอดีตเคยเป็นตัวแทนซื้อขายทองคำ (Selling Agent) ให้กับกลุ่มบริษัทออสสิริส แต่ได้ถูกยกเลิกมาตั้งแต่ปี 2556 แล้ว จากการดูกระบวนการยกเลิกก็พบว่าทำตามขั้นตอน เพราะบริษัทออสสิริส ก็ได้ลบชื่อในเว็บที่เกี่ยวกับการเป็น Selling Agent ของบริษัท ออสสิริส สัตหีบ โกลด์ และฟิวเจอร์ จำกัด ออกและได้แจ้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ว่า บริษัทดังกล่าวไม่ได้เป็น Selling Agent ของออสสิริสนานแล้ว
ยืนยันว่าความผิดดังกล่าวไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงาน ก.ล.ต. เพราะไม่ได้เป็นตราสารทางการเงินที่เรากำกับดูแล ซึ่ง ก.ล.ต.กำกับดูแลแค่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเท่านั้น
ขณะที่ นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า กรณีที่มีผู้เสียหายในการซื้อขายและฝากทองคำกับบริษัท ออสสิริส สัตหีบ โกลด์ แอนด์ ฟิวเจอร์ จำกัด ตามที่ปรากฏในข่าวนั้น ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อลงทุนทองคำพอสมควร เพราะเหตุการณ์ในลักษณะที่เป็นการหลอกลวง และฉ้อโกงเกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง จึงอยากให้หน่วยงานรัฐออกมาตรการควบคุม หรือมีกฎข้อบังคับกับผู้ให้บริการ ออมทอง ซื้อขายทองออนไลน์ เช่น ต้องมีกฎเกณฑ์เรื่องทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ มีหลักประกัน หากไม่มีอะไรควบคุม เรื่องแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ
นักลงทุนเองควรต้องมีความรู้ และไม่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ หากมีการชักจูงให้ลงทุนทองคำโดยเฉพาะในราคาที่ต่ำกว่าในตลาด ก็ควรเลือกลงทุนกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ
“ทางสมาคมค้าทองคำนั้น ทำได้เพียงประชาสัมพันธ์ เตือนนักลงทุน ให้ลงทุนทองคำกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ โดยสมาคมฯ ไม่มีอำนาจในการกำกับดูแล อะไร ซึ่งคงต้องให้ภาครัฐมีหน่วยงาน ก.ล.ต.เข้ามาดูแลเรื่องการกำกับผู้ให้บริการออมทอง หรือซื้อขายทองออนไลน์ หากไม่มีมาตรการอะไรออกมา เชื่อว่าจะมีคนถูกหลอก หรือถูกฉ้อโกงต่อเนื่อง” นายจิตติกล่าว