'ชลประทาน' จ่อเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์คุมความเค็ม
"ทองเปลว" เผยเตรียมบริหารการเปิดปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ควมคุมค่าความเค็มแม่น้ำเจ้าพระยา รับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงอีกระลอก 8-9 มกราคมนี้
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 63 นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สั่งการให้สำนักงานโครงการชลประทานที่ 11 เตรียมแผนบริหารจัดการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ตำบลทรงคะนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นเครื่องมือเสริมในการควบคุมค่าความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาและภาคการเกษตร เสริมจากการระบายน้ำจากท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท และผันน้ำแม่น้ำแม่กลองมาผลักดันความเค็มในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงอีกครั้งวันที่ 8-9 มกราคมนี้ โดยในช่วงน้ำทะเลลงจะเปิดประตูระบายน้ำเพื่อผลักดันน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาออก ส่วนช่วงน้ำทะเลขึ้นจะปิดประตูระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำทะเลไหลเข้ามาสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
ปัจจุบันระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยามาในอัตรา 85 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยยังคงรักษาระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมไว้ได้เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เพิ่มการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักได้แก่ ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์มาสำรองไว้ที่หน้าเขื่อนเจ้าพระยาไว้แล้ว ซึ่งจะระบายมาเจือจางค่าความเค็มด้านท้ายลุ่มน้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ยังผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองทางคลองจรเข้สามพันและคลองท่าสาร-บางปลามายังแม่น้ำท่าจีนในอัตรา 25 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แล้วระบายผ่านคลองพระยาบันลือลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งมั่นใจว่า จะควบคุมค่าความเค็มไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา การเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ และการทำการเกษตรพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาด้านท้ายได้
นายทองเปลว กล่าวเพิ่มเติมว่า ค่าความเค็มอาจสูงกว่าเกณฑ์เฝ้าระวังในช่วงที่น้ำทะเลขึ้นได้ซึ่งประสานกับการประปานครหลวงแล้วเพื่อให้งดสูบน้ำที่ที่สถานีสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานีในช่วงน้ำทะเลขึ้น เมื่อน้ำทะเลลงและตรวจวัดค่าความเค็มไม่เกิน 0.5 กรัมต่อลิตรจึงสูบส่งมาต่อมายังโรงกรองน้ำบางเขนเพื่อผลิตน้ำประปาตามปกติ
สำหรับการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ระบายวันละ 18 ล้านลบ.ม. ปรับลดจากช่วงก่อนปีใหม่ที่ระบายวันละ 28 ล้านลบ.ม. เพื่อมาสำรองไว้สำหรับควบคุมค่าความเค็ม จากนี้ไปจะคงการระบายที่ 18 ล้านลบ.ม. ต่อวันจนสิ้นสุดฤดูแล้งและต่อเนื่องถึงต้นฤดูฝน ส่วนการผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองมาช่วย มีแผนจะระบายตลอดฤดูแล้ง 500 ล้านลบ.ม. และระบายอีก 350 ลบ.ม. เพื่อให้มีมีน้ำอุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 63 ซึ่งหลังจากนั้นกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ฝนจะตกต่อเนื่องแล้ว
สำหรับที่เป็นห่วงว่า ชาวนา 22 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยาปลูกข้าวนาปรังถึง 1.58 ล้านไร่แล้ว อาจส่งผลให้มีการดึงน้ำที่สงวนไว้สำหรับอุปโภค-บริโภคไปใช้ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้แจ้งล่วงหน้าแล้วว่า ไม่มีแผนเพาะปลูกข้าวนาปรังเนื่องจากกรมชลประทานไม่มีน้ำเพียงพอสนับสนุน แต่เกษตรกรส่วนหนึ่งทำนาปรังเนื่องจากมีแหล่งน้ำของตัวเองเช่น บ่อบาดาล สระน้ำชุมชุน อีกส่วนหนึ่งปลูกโดยรับทราบความเสี่ยงว่า อาจประสบภาวะขาดแคลนน้ำ ซึ่งได้แจ้งผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดในการแจ้งเตือนโดยตลอด แต่ขณะนี้อัตราการปลูกเพิ่มลดลงแล้ว
"ขณะนี้นำเครื่องจักร-เครื่องมือ รถสูบน้ำไปประจำจุดที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมบริการทุกพื้นที่ โดยประชาชนที่เดือดร้อนสามารถแจ้งรับบริการหรือแจ้งปัญหาเรื่องน้ำได้ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขวิกฤติภัยแล้งของกรมชลประทานที่สายด่วน 1640 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง" นายทองเปลว กล่าว