หุ้นโรงพยาบาลร่วงยกแผง เหตุวิตกพิษตะวันออกกลาง-ประกันสังคมหั่นค่าชดเชยรักษาโรค
หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวลดลงกันยกแผง เหตุนักลงทุนหวั่นรับผลกระทบความครึงเครียดในตะวันออกกลางฉุดลูกค้าลดฮวบ-ประกันสังคมปรับลดค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้าวันนี้ พบความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวลดลงกันยกแผง นำโดยราคาหุ้นบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH อยู่ที่ 15.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 6.06% มูลค่าซื้อขาย 518 ล้านบาท,บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH อยู่ที่ 140.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.71% มูลค่าซื้อขาย 131 ล้านบาท,บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH อยู่ที่ 4.80 บาท ลดลง 0.06 บาท หรือ 1.23% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 0.54 ล้านบาท และบริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH อยู่ที่ 24.60 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 1.60% มูลค่าซื้อขาย 7.7 ล้านบาท ส่วนบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS อยู่ที่ 25.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 921 ล้านบาท
นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่าประเมินว่าราคาหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลที่ปรับตัวลดลงวันนี้มีแรงกดดันจาก 2 ประเด็น ได้แก่ เรื่องแรกคือความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อลูกค้าชาวตะวันออกกลางที่จะเข้ามารักษาในประเทศไทยให้หยุดชะงัก โดยเฉพาะลูกค้าหลักของ BDMS และ BH ที่เป็นชาวตะวันออกกลางจำนวนมาก
ขณะที่ปัจจัยถัดมาคือกระแสข่าวที่สำนักงานประกันสังคมได้ทำหนังสือถึงสถานพยาบาลในโครงการประกันสังคมทุกแห่ง เตรียมปรับลดค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากวงเงินงบประมาณคงเหลือในปี 2562 ตามกรอบวงเงินดังกล่าวข้างต้น ไม่เพียงพอที่จะจ่าย 5 เดือนหลังของปี 2562 ในอัตรา 12,800 บาท/1 Adjusted RW จึงได้ปรับลดการจ่ายเงิน 5 เดือนสุดท้ายของปี 2562 เหลืออัตราละ 7,100 บาท/1 Adjusted RW และถือว่าเป็นปัจจัยลบกดดันหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคมอย่างBCH, CHG, RJH, LPH ด้วยผลดังกล่าวทำให้โรงพยาบาลในโครงการประสังคมได้รับผลกระทบจากการได้รับเงินค่าบริการผู้ป่วยในด้วยโรคที่ค่ามีใช้จ่ายสูงในงวดไตรมาส 4 ปี2562 ลดลงจากปีก่อน และส่งผลกระทบให้กำไรสุทธิงวดไตรมาส 4 ปี2562 ของโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการประสังคมมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อน รวมถึงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า