น้ำมันดิบบวกเล็กน้อยหลังพุ่ง 2%
ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ (6 ม.ค.) หลังทะยาน 2% ในช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าอิหร่านจะตอบโต้สหรัฐจากเหตุลอบสังหารนายพลระดับสูงของอิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือน ก.พ. 2563 ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ปิดที่บวก 22 เซนต์ หรือ 0.2% สู่ระดับ 63.27 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันจันทร์ หลังจากในการซื้อขายช่วงเช้า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสพุ่งแตะ 64.72 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ปีที่แล้ว
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือน มี.ค. ปิดที่เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ แตะ 68.91 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันเดียวกัน หลังจากช่วงหนึ่งราคาน้ำมันดิบเบรนท์แตะระดับ 70.74 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบกว่า 3 เดือน ได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐสังหาร นายพลกาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของอิหร่าน ก่อความกังวลว่ามันอาจกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันแกว่งตัวลงมาปิดบวกในกรอบแคบ หลังนักลงทุนเริ่มสงสัยว่าการตอบโต้ของอิหร่านจะเป็นไปในแนวทางที่จะก่อความปั่นป่วนแก่อุปทานพลังงานหรือไม่ ขณะเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาขู่ว่าสหรัฐจะตอบโต้อิหร่าน หากว่าเตหะรานตอบโต้กลับกรณีที่วอชิงตันสังหารนายพลคนสำคัญ
ทั้งนี้ ภูมิภาคตะวันออกกลางผลิตน้ำมันคิดเป็นราวเกือบครึ่งหนึ่งของกำลังผลิตน้ำมัน และราว 1 ใน 5 ในการขนส่งน้ำมันทางเรือของโลก ซึ่งจำเป็นต้องสัญจรผ่านช่องแคบฮอร์มุซ
นอกจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่านแล้ว ยังมีปัจจัยหนุนราคาน้ำมันจากสถานการณ์ที่คุกรุ่นระหว่างสหรัฐกับอิรักด้วย หลังนายทรัมป์ขู่ออกมาตรการคว่ำบาตรอิรัก ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) หลังจากรัฐสภาอิรักผ่านร่างกฎหมายบีบให้สหรัฐถอนทหารออกนอกประเทศ