ตร.เตรียมชำแหละรถ 'บิ๊กโจ๊ก' หาข้อมูลเพิ่มเติ่ม
"ผู้ช่วย ผบ.ตร." เรียกประชุมคดีลอบยิงรถ "บิ๊กโจ๊ก" เร่งตรวจหัวกระสุน ชี้ผลตรวจพบ 8 นัด วิถีกระสุนเฉียงลงระยะประชิด แบ่งงานสำนวนคดีให้ระดับโรงพัก งานสืบให้ระดับกองบังคับการ
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 63 ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ท.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผบช.สพฐ. ตำรวจฝ่ายสืบสวนและสอบสวน เดินทางมาประชุมความคืบหน้าคดีเหตุการณ์ลอบยิงรถยนต์ส่วนตัวของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต ผบช.สตม. โดยคนร้ายจำนวน 2 คนใช้อาวุธปืนยิงใส่ เหตุเกิดที่บริเวณซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเวลา 20.30 น. ของคืนวันที่ 6 มกราคม ก่อนที่คนร้ายจะขับรถหนีไป
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า หลังรับแจ้งเหตุ ตำรวจได้เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด สอบพยานที่เกี่ยวข้อง และเร่งทำการสืบสวนสอบสวน เบื้องต้นการตรวจพิสูจน์รถยนต์คันที่ถูกยิง พบร่องรอยถูกกระสุนปืนยิง จำนวน 8 นัด ที่บริเวณข้างตัวรถทางซ้าย บริเวณประตูหน้า 1 นัด และประตูหลัง 7 นัด และพบหัวกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 2 หัว โดยหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้ร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) นำรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจพิสูจน์การทำงานในคดีดังกล่าว ทางตำรวจได้แบ่งหน้าที่กันทำงาน ทั้งพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวน โดยให้พนักงานสอบสวนทำหน้าที่สอบสวน มี ผกก.สน.บางรัก เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน และมีรอง ผบช.น. รับผิดชอบงานสอบสวนลงไปเป็นพี่เลี้ยงคอยกำกับดูแล ในด้านการสืบสวน แบ่งเป็น งานสืบสวนระดับสถานีตำรวจ โดยให้รับผิดชอบสถานที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง หาพยานบุคคล วัตถุพยาน และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด
ส่วนการสืบสวนระดับกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) คอยดูภาพรวมพยานหลักฐานที่ปรากฎ ส่วน บก.สส. จะใช้ความเชี่ยวชาญพิเศษด้านการสืบสวน ซึ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร เพื่อให้กระบวนการของการสืบสวนสอบสวนเป็นไปโดยปราศจากข้อสงสัยและให้ทิศทางข่าวเป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงให้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เป็นผู้ให้ข่าวเพียงผู้เดียว ส่วนข้อมูลผลการตรวจวิทยาศาสตร์ ให้ พล.ต.ท.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผบช.สพฐ.เป็นหลัก ในระดับตร. ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา และพล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. เป็นผู้ให้ข้อมูล
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า การตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทำให้พบหัวกระสุนปืนเพียง 2 หัว จึงเก็บผลไปเทียบเคียงทางนิติวิทยาศาสตร์ ทางพิสูจน์หลักฐานเรียกว่าระบบ ibis ระบบนี้จะตรวจสอบจากหัวกระสุน เกลียวกระสุน จึงต้องรื้อรถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ในการตรวจหาหัวกระสุนที่คาดว่าจะตกอยู่ในรถเพิ่มเติม เพื่อหาเอกลักษณ์ของกระบอกปืนที่ใช้ยิง นอกจากนี้ ยังต้องมีการตรวจสอบภาพวงจรปิดก่อนเกิดเหตุ 7-15 วัน และภาพหลังเกิดเหตุ เพื่อเร่งติดตามคนตัวร้ายมาดำเนินคดี ขณะนี้สอบพยานไปแล้วกว่า 6 ปาก ยังไม่ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุมีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืนหรือไม่ แต่จากวิถีกระสุนพบว่าเป็นการยิงเฉียงลง ในระยะประชิด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทุกฝ่ายจะทำงานอย่างเต็มที่ไม่ปล่อยให้คดีเงียบไปกับสายลมคดีนี้มีลักษณะของเรื่องใหญ่คนเล็ก เรื่องเล็กคนใหญ่ ผู้ประสบเหตุก็เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับให้เร่งจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว พร้อมกันนี้ได้กำชับผู้บังคับบัญชาทุกพื้นที่ให้กำหนดมาตรการป้องกันเหตุ เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก หากเกิดเหตุต้องติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้โดยเร็วทั้งนี้พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ด้วยความรอบครอบ รวดเร็วเป็นธรม อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับผู้ที่ก่อหตุเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน นักลงทุน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ