'ทิปโก้แอสฟัลท์' วิ่งสู้ฟัดรับงบประมาณปี 63 - น้ำมันดิ่ง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (9 ม.ค.) มีแรงซื้อคืน ดัชนีฯ รีบาวด์กลับขึ้นมาตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ดูเหมือนว่านักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง เนื่องจากประเมินว่าเหตุการณ์ไม่น่ารุนแรงไปมากกว่านี้
หลังท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูอ่อนลง โดยแถลงการณ์ล่าสุดไม่ได้เอ่ยถึงการใช้ปฏิบัติการทางทหาร เพื่อตอบโต้อิหร่านที่โจมตีฐานทัพสหรัฐ แต่เลือกที่จะคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม พร้อมเรียงร้องให้ชาติมหาอำนาจอย่างอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่มองว่าสงครามครั้งใหม่ยังไม่น่าเกิดขึ้น เพราะปีนี้เป็นปีเลือกตั้งของสหรัฐ หากทรัมป์เลือกที่จะใช้ความรุนแรง คงส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมไม่น้อย ขณะเดียวกันในฝั่งของอิหร่านที่ปฏิบัติการโจมตีกองทัพอากาศของสหรัฐในอิรัก ถือเป็นการโต้กลับเชิงสัญลักษณ์ว่าอิหร่านเองไม่ยอมง่ายๆ แต่คงไม่อยากปะทะกันซึ่งๆ หน้า เพราะลึกๆ แล้วอิหร่านรู้ตัวดีว่าเสียเปรียบในด้านการทหาร
สถานการณ์ที่ดูผ่อนคลายลงในช่วงสั้นๆ ส่งผลให้ราคาน้ำมันและราคาทองคำถูกเทขายทำกำไรปรับตัวลดลงทันที จากก่อนหน้าที่ราคาดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง โดยทองคำย่อตัวจากจุดสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี เช่นเดียวกับราคาน้ำมันในการซื้อขายเมื่อคืนวันที่ (8 ม.ค.) ดิ่งลงทันทีเกือบ 5% หลังทรัมป์หลีกเลี่ยงที่จะใช้การโจมตีทางทหารครั้งใหม่ต่ออิหร่าน ขณะที่กลุ่มโอเปกออกมาระบุว่าพร้อมที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิต หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง
โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (ดับเบิลยูทีไอ) ปิดที่ 59.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 30.9 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดลอนดอน ปิดที่ 65.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 2.83 ดอลลาร์ หรือ 4.2%
ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงแทบจะทันทีแบบนี้ ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มขนส่ง สายการบิน เดินเรือ ราคารีบาวด์กลับขึ้นมา หลังถูกกระหน่ำขายหนักตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และอีกหนึ่งหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันเปลี่ยนทิศ คือ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO เพราะน้ำมันถือเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตยางมะตอย
ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลง เท่ากับว่าต้นทุนของบริษัทลดลงไปด้วย ถือเป็นจิตวิทยาเชิงบวก ดันราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงมาปิดที่ 19.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 8.43% จากก่อนหน้านี้ถูกถล่มขายหนัก 3 วันทำการติดต่อกัน นับตั้งแต่สหรัฐเปิดฉากโจมตีนายพลทหารคนสำคัญของอิหร่าน กดราคาหุ้นดิ่งรวมกว่า 16% ลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือน
อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาหุ้น TASCO ในช่วงนี้ คือ การพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวาระที่ 2 และ วาระที่ 3 ซึ่งสุดท้ายแล้วผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกกว่า 3.2 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้ภายในเดือน ก.พ. นี้ หลังล่าช้ามากว่า 4 เดือน เป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
โครงการทุนต่างๆ ที่ค้างท่ออยู่ รัฐบาลคงต้องเร่งผลักดันออกมาให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทาง การคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นปัจจัยบวกให้กับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง
นอกจากนี้ TASCO ยังได้รับประโยชน์จากกฎข้อบังคับใหม่ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่กำหนดให้เรือเดินสมุทรต้องใช้น้ำมันที่มีซัลเฟอร์ไม่เกิน 0.5% ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ยางมะตอยที่ได้ออกมาพร้อมกับกระบวนการผลิตน้ำมันซัลเฟอร์สูงลดลง เพราะโรงกลั่นต้องหันไปผลิตน้ำมันที่ซัลเฟอร์ต่ำมากขึ้น ดังนั้น เมื่อซัพพลายในตลาดหายไป จะเร่งให้ราคาขายยางมะตอยในปีนี้มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งหมดนี้ จึงเป็น 3 ปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนราคาหุ้น TASCO ปรับตัวขึ้นมาในช่วงนี้ แต่ดูแล้วน่าจะเหมาะกับการเล่นเก็งกำไรระยะสั้นๆ ไปก่อน เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวอิงไปกับราคาน้ำมันดิบ ซึ่งยังผันผวนสูงจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง