งบประมาณ 2563 ปีพิเศษของทุกหน่วย
งบประมาณปี 2563 วงเงินกว่า 365,553 ล้านบาท นับเป็นปีพิเศษของทุกหน่วย ที่ต้องเร่งรัดการเบิกจ่าย เพื่อให้เงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจเร็วที่สุดทันทีที่งบประมาณ 2563 มีผลบังคับใช้
ที่ผ่านมาคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) รับทราบกรอบงบลงทุนรัฐวิสาหกิจประจำปี 2563 วงเงิน 365,553 ล้านบาท ซึ่ง ครม.เศรษฐกิจ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจ โดยมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจ กำกับติดตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่และโครงการที่มีการเบิกจ่ายล่าช้า ให้สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ส่วนโครงการที่เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ให้เร่งรัดการเบิกจ่ายให้เร็วขึ้น
ความต้องการของรัฐบาลดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการเร่งรัฐวิสาหกิจที่มีแผนการลงทุนที่มีวงเงินสูง ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยคาดหวังว่ารัฐวิสาหกิจจะเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญที่จะลงทุนให้เงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และถ้าทำให้เร่งลงทุนได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศที่หลายฝ่ายคาดการณ์ตรงกันว่าชะลอตัว
การกระตุ้นให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดการลงทุนจะแก้ปัญหา ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ซึ่งทำให้งบประมาณ 2563 เข้าสู่ระบบล่าช้ากว่ากำหนด เพราะเมื่อผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ยังต้องเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวันที่ 20 ม.ค.นี้ โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือน ก.พ.นี้ ทำให้งบประมาณรายจ่ายปีนี้ มีระยะดำเนินการ 8 เดือน จึงทำให้สำนักงบประมาณต้องวางแผนเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณ เพื่อให้เงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจเร็วที่สุดทันทีที่งบประมาณ 2563 มีผลบังคับใช้
สิ่งที่น่ากังวลนอกจากระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณที่สั้นลง ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลของการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งเป็นไปได้ค่อนข้างยากที่จะเบิกจ่ายงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ได้ครบ 100% ซึ่งงบประมาณที่เหลือจากการเบิกจ่ายไปพลางแล้วประมาณ 2 ล้านล้านบาท จึงเป็นหน้าที่ของเจ้ากระทรวงที่จะต้องเข้าไปกระตุ้นให้ส่วนราชการในสังกัดเร่งการเบิกจ่ายให้เต็มที่ โดยทุกฝ่ายควรเข้าใจตรงกันว่าปีนี้เป็นปีพิเศษที่มีเวลาใช้งบประมาณน้อย บวกกับเศรษฐกิจชะลอ ต้องเร่งเครื่องเต็มที่เมื่อประกาศใช้งบประมาณ 2563
หากทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่าปี 2563 เป็นปีพิเศษที่กระบวนการทำงานต้องไม่ปรกติ เชื่อว่าจะช่วยเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณไปได้ แต่โจทย์ในขณะนี้ คือ จะทำอย่างไรที่จะทำให้ทุกหน่วยงานเข้าใจว่าปีนี้เป็นปีพิเศษ เมื่อรัฐบาลออกมาประกาศการเร่งเบิกจ่าย สำนักงบประมาณมีมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนมีวงเงินงบประมาณที่ต้องเบิกจ่ายลงทุนภายในปีงบประมาณ ก็เหลือส่วนราชการที่ควรมองเห็นปัญหาเดียวกันและเข้ามาช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจทุกทางที่ทำได้