นักลงทุนแห่เก็งกำไร 'หุ้นเล็ก' หนุนวอลุ่มคึก
นักลงทุนแห่เก็งกำไร “หุ้นเล็ก” ดันราคาพุ่ง วอลุ่มแน่น โบรกฯ ชี้ผลจากแรงขายสถาบัน-ต่างชาติ กดดันหุ้นใหญ่ ทำรายย่อยเปลี่ยนกลุ่มเล่น เตือนระมัดระวังลงทุน ย้ำต้องมีจุดตัดขาดทุน เหตุหลายหุ้นไร้ปัจจัยพื้นฐานรองรับ ด้าน “กระทรวง” เชื่อหุ้นเล็กยังวิ่งต่อ
ราคาหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเริ่มมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาอย่างคึกคัก หลังหุ้นกลุ่มนี้ราคาปรับลดลงต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา โดยหุ้นที่ปรับขึ้นวานนี้(16ม.ค.) นำโดย บมจ.บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น (BIG) เพิ่มขึ้น16.67 % ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวันที่ 15 ม.ค.ที่ราคาหุ้นพุ่งชนซิลลิ่ง 29.41%
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นขนาดเล็กปรับตัวขึ้นคึกคัก เนื่องจากช่วงต้นปี 2563 นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ ได้ขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีแรงขายออกมาทุกวัน ทำให้นักลงทุนเลี่ยงลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ หันมาเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กแทน
“หุ้นเล็กส่วนใหญ่ราคาลดลงไปมากในปี 2562 เช่น BIG ซึ่งราคาลงจาก 1.22 บาท เหลือ 0.50 บาท หรือ BEAUTY(บิวตี้ คอมมูนิตี้) ที่ราคาลงจาก 6.85 บาท เหลือ 1.68 บาท รวมทั้งสภาพคล่องหุ้นเหล่านี้มีน้อย เมื่อมีแรงเก็งกำไรเข้ามาจึงทำให้ราคาขึ้นร้อนแรง โดยไม่ต้องใช้เงินมาก”
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่จะเข้าเก็งกำไรหุ้นเหล่านี้ ต้องมีจุดหยุดขาดทุน(Stop Loss ) และต้องมีวินัยการลงทุน เช่น ซื้อแล้วราคาหุ้นปรับตัวลดลง 5-10 % จะต้องตัดขาดทุน เพราะหลายหุ้นราคายังไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า เริ่มเห็นนักลงทุนกลับมาเก็งกำไรหุ้นที่ราคาปรับลดลงแรงในช่วงปี 2562 แต่ในด้านพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยหุ้นบิวตี้ ถือเป็นตัวปลุกกระแสหุ้นขนาดเล็ก รวมประกอบกับนักลงทุนสถาบันในประเทศ และ ต่างประเทศ ยังคงเทขายหุ้นต่อเนื่อง ทำให้หุ้นขนาดกลางและขนาดขนาดใหญ่ มีแรงกดดัน นักลงทุนจึงหันมาเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กแทน
ทั้งนี้นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุน จากที่หุ้นขนาดเล็กมีกำไรลดลง หรือมีผลขาดทุน โดยแนะนำว่าไม่ควรเก็งกำไรในหุ้นที่มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(P/E) เกิน 40 เท่า เพราะอาจติดcash balance หาก P/E ขึ้นมาระดับ 20 เท่าก็ต้องระวังแล้ว โดยเฉพาะ บริษัทที่มีผลขาดทุน ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวลดลงตามผลการดำเนินงานที่แย่ลง
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มหันมาเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กที่คาดว่างบไตรมาส 4 ปี 2562 จะกลับมาดี เพราะหวังจะได้รับผลบวกจากมาตรการภาครัฐเข้ามาระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจาก งบ 9 เดือนปี 2562 ที่ออกมาไม่ดี ประกอบกับหุ้นดังกล่าวมีสภาพคล่องการซื้อขายไม่มาก ทำให้เมื่อมีแรงเก็งกำไรเข้ามาราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แรง อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุน อาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาได้
นายกระทรวง จารุศิระ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนคลายกังวลเรื่องสงครามการค้า และ สถานการณ์ตึงเครียดในอิหร่าน และทุกปี ในเดือนม.ค. จะเกิด january effect ส่วนตัวจึงเชื่อว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนนี้ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งเมื่อหุ้นขนาดใหญ่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงจุดหนึ่ง นักลงทุนมีสลับมาเล่นหุ้นเล็กที่ราคาปรับลดลงไปมากในช่วงก่อนหน้า
ทั้งนี้คาดว่ามีโอกาสที่จะเห็นแรงเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กได้อีก 2-3 สัปดาห์ซึ่งจะเป็นลักษณะสลับตัวเช่น ก่อนที่จะมีการประกาศงบไตรมาส 4 ปี 2562 ออกมา แต่หากผลการดำเนินงานออกมาไม่ดีจริง เชื่อว่าจะมีแรงขายออกมา ดังนั้น นักลงทุนที่จะเข้าเก็งกำไรต้องระมัดระวังการลงทุน และต้องลงทุนลักษณะซื้อเร็ว ขายเร็ว