โออิชิปักธงผู้นำนวัตกรรม เคลื่อนธุรกิจสู้ 'คลื่นดิสรัป'
โออิชิ กรุ๊ป บิ๊กคอร์ปอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น ภายใต้อาณาจักรเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ท่ามกลางโลกการค้าและผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วรอบด้าน ที่เรียกว่า Macro Trends
ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ผู้บริโภคให้ความสำคัญด้านสุขภาพ ความสะดวกสบาย ความพรีเมี่ยม ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ขณะที่ “คู่แข่ง” มีหลากหลายแพลตฟอร์ม เป็นความท้าทายของ โออิชิ กรุ๊ป ที่จะต้องก้าวตามให้ทัน เพื่อรักษาความเป็น “ผู้นำ” และเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน
นงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขับเคลื่อนธุรกิจของโออิชิ กรุ๊ป มุ่งเป็นผู้นำอย่างชัดเจนในนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น โดยจะใช้เครื่องมือทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนา สร้างแพลตฟอร์ม และโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค พร้อมขยายตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอยด้วย ธุรกิจเครื่องดื่ม, ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงพร้อมทาน หรือ แพ็คเก็จฟู้ด
ทั้งนี้ กลยุทธ์สร้างการเติบโตด้านยอดขาย และกำไร กุญแจสำคัญ คือ การขยายฐานลูกค้า การพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค การขยายช่องทางจำหน่ายที่เข้าถึงลูกค้าอย่างกว้างขวาง การเพิ่มปริมาณส่งออก รวมไปถึงการบริหารที่มีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2563 นี้ โออิชิ กรุ๊ป พร้อมพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค อาทิ การให้ความสำคัญด้านสุขภาพและสุขอนามัยของผู้บริโภค (Health & Wellness) การพัฒนาสูตรอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ขณะเดียวกัน ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อพัฒนาช่องทางการสื่อสารบริการต่างๆ ให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ โออิชิ กรุ๊ป ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาความยั่งยืน (Sustainability) โดยวางแนวทางให้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อแสดงความความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
เจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม กล่าวว่า ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มมูลค่า 12,369 ล้านบาท เริ่มพลิกฟื้นมีอัตราการเติบโต 2.2% หลังจากได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีสรรพสามิต อย่างไรก็ตามการบริโภคยังไม่กลับสู่ระดับเดิมเมื่อเทียบกับปี 2560 ปัจจุบัน โออิชิ มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 45%
ดังนั้นโออิชิในฐานะผู้นำตลาดเดินหน้ากลยุทธ์ในการกระตุ้นการบริโภคด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ขยายฐานผู้ดื่ม มุ่งสร้างฐานผู้บริโภคใหม่เจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น โดยใช้แพลตฟอร์มเกมผ่านแคมเปญ OISHI x ROV ซึ่งได้ทำให้ฐานผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในช่วงอายุ13-24 ปี เพิ่มขึ้น ขยายฐานพรีเมียม ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ และผู้บริโภคที่เล็งเห็นความสำคัญของผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติพร้อมยอมจ่ายเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด
โออิชิ กรีนที จึงเดินหน้าขยายตลาดชาพร้อมดื่มพรีเมียม ส่งชาเขียวระดับพรีเมียม โออิชิ โกลด์ เกียวคุโระ มีรสชาติเอกลักษณ์จากไร่ชารางวัลจักรพรรดิ ประเทศญี่ปุ่น
รวมทั้งขยายตลาดส่งออกใน 33 ประเทศทั่วโลก ซึ่งขับเคลื่อนด้วยแผนการขยายตลาดมุ่งสู่ผู้นำระดับโลก โดยสร้างความแข็งแกร่งในตลาดหลักคือกัมพูชาและลาว สร้างความเป็นผู้นำในตลาดเกิดใหม่ เข่น เมียนมา ขยายตลาดในกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและขายในระดับภูมิภาค สร้างความพร้อมของบุคคลากรในการทำงานในต่างประเทศ
ไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร กล่าวว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นเครือ โออิชิ สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ผ่านการดำเนินงานเชิงรุกทั้งการขยายสาขาใหม่ 26 สาขาในปีนี้ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์และเมนูใหม่ แคมเปญการตลาดที่เหมาะสม น่าสนใจพัฒนาช่องทางการสั่งซื้อออนไลน์ เพิ่มเติมจากการสั่งซื้อผ่านทางโทร. 1773 ผ่านแพลตฟอร์มของตัวเอง ซึ่งได้แก่ โออิชิเดลิเวอรี่ดอทคอม (www.oishidelivery.com) ควบคู่การประสานความร่วมมือกับผู้ให้บริการสั่งอาหารแบบออนดีมานด์บนแอพพลิเคชัน แกร็บฟู้ด (GrabFood) ไลน์แมน (LINE MAN) และ ฟู้ดแพนด้า (foodpanda)
“อีกกลยุทธ์สำคัญ คือ Re-engineering Brand’s Business Model : ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น โออิชิ ให้มีความทันสมัยตามเทรนด์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น นำเสนอรูปแบบโมเดลธุรกิจใหม่ ชาบูชิ บริการ 24 ชั่วโมง รับวิถีคนเมือง สังคมคนนอนดึก ที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น”
นอกจากนี้มุ่งสร้างคุณค่าตราสินค้า ผ่านสินค้าและบริการ เพื่อมอบประสบการณ์แปลกใหม่ น่าประทับใจ แก่ผู้บริโภค และการพัฒนาและเปิดตัวแบรนด์ใหม่ เสิร์มแกร่งพอร์ต ทั้งร้านอาหารและร้านขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น ได้แก่ โฮว ยู (HOU YUU), ซากาเอะ (SAKAE) จับกลุ่มลูกค้าระดับบน และ โอโยกิ (OYOKI) ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ เจาะตลาดพรีเมียม ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านขนมหวานแบรนด์แรกของโออิชิ โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการสาขาแรก อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา เตรียมขยายสาขาที่ 2 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เร็ว ๆ นี้
เมขลา เนติโพธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า ตลาดอาหารอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุง พร้อมทาน ได้เข้ามามีบทบาทกับวิถีชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ของคนในชุมชนเมืองมากขึ้น จากความสะดวกในการบริโภค และมีความหลากหลายของประเภทอาหาร โดยมีแผนรุกตลาดมุ่งสร้างตราสินค้า โออิชิ อีทโตะ (OISHI EATO) ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมสร้างภาพลักษณ์ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทานสไตล์ญี่ปุ่น ผ่าน นวัตกรรม ที่แตกต่างและโดดเด่น ทั้งรูปแบบ รสชาติ คุณค่าทางโภชนาการ และหีบห่อ หรือ บรรจุภัณฑ์ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายหลักอย่าง ร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังกลุ่มฟู้ด เซอร์วิส ด้วยการซินเนอร์ยี่ระหว่างพันธมิตรกลุ่มธุรกิจในเครือไทยเบฟ รวมทั้งขยายสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้นทั้งอาเซียนและยุโรป
ปีที่ผ่านมา โออิชิ กรุ๊ป มียอดขายรวม 13,631 เติบโต 8.2% มาจากกบุ่มครื่องดื่ม 6,501 ล้านบาท เติบโต 8.6% กลุ่มอาหาร 7,130 ล้านบาท เติบโต 7.9% มีผลกำไรรวม 1,229 ล้านบาท เติบโต 21.9% จากปีก่อนหน้า